ยุคหลัง Jeffersonได้มี James Madison เป็นประธานาธิดีคนต่อมา ซึ่งส่งเสริมการเข้ามีบทบาทในโลกของการค้า โดยสร้างความเข้มแข็งทางการรบ ดังที่เรียกว่าพวก War Hawks โดยเน้นการที่สหรัฐปรารถนาที่จะเข้ายึดครอง Canadaทางเหนือ และ Floridaทางใต้ ซึ่งนำไปสู่สงครามในช่วงปี ค.ศ. 1812 ซึ่งได้รับการต่อต้าน ไม่เห็นด้วยในหมู่ชาว New England การมีข้อตกลง Ghent (Treaty of Ghent) ที่ได้มีขึ้น แท้จริงไม่ได้มีผลอะไรโดยเฉพาะ แต่ทำให้เห็นถึงกลุ่มคนที่ต้องการเป็นสหรัฐรุ่นใหม่ ในยุคนี้เป็นยุคที่เขาเรียกว่า Era of Good Feeling คือพวกที่คิดฝันดี ส่วนพวกที่ต้องการขยายบทบาทรัฐบาลกลางและแผ่อำนาจก็ได้สลายตัวไป กลายเป็นการไปบุกเบิกดินแดนใหม่ทางตะวันตก ซึ่งยังมีให้เลือกได้อย่างไม่จำกัด พวกประชาธิปัตย์ในระยะนี้ก็ยอมรับบทบาทของการต้องมีรัฐบาลกลางที่เข้มแข็ง และเห็นด้วยกับการที่จะขยายอาณาเขตของประเทศ และขยายโอกาสทางเศรษฐกิจ โดยในปี ค.ศ. 1816 ได้มีการปรับปรุงระบบการปกครองภายใน มีการจัดเก็บภาษีเพื่อการป้องกันประเทศ และเกิดธนาคารแห่งชาติเป็นแห่งที่สอง
นโยบายต่างประเทศ
นโยบายด้านการต่างประเทศในยุคของ James Monroe ได้เป็นประธานาธิบดีก็ยังไม่เปลี่ยน ดังที่เรียกว่า Monroe Doctrine ที่ปฏิเสธการเข้ามาจัดตั้งอาณานิคมในทวีปอเมริกาของประเทศในยุโรป โดยถือว่าโลกตะวันตก หรือทวีปอเมริกานี้จะต้องมีศักดิ์ศรี ในทางกิจการภายใน ความเข้มแข็งของรัฐบาลกลางได้เพิ่มขึ้น โดยการนำเสนอของ John Marshall ได้มีการจัดตั้งศาลสูงที่เรียกว่า the U.S. Supreme court ในปี ค.ศ. 1820 ในช่วงนั้นได้เริ่มมีความตึงเครียดในบางส่วนของประเทศที่ต้องการความเป็นอิสระและไม่ต้องการอยู่ภายใต้กำกับของรัฐบาลกลาง
No comments:
Post a Comment