ประกอบ คุปรัตน์
Pracob Cooparat
Pracob@sb4af.org
Keywords: CW105, ประวัติศาสตร์ ประเทศสหรัฐอเมริกา เศรษฐกิจ การเมือง
แปลและเรียบเรียง
(Slavery, Civil War, and Reconstruction)
ในช่วงปี ค.ศ. 1849 จนถึง 1861 มีประธานาธิบดีดำรงตำแหน่ง 4 คน เป็นช่วงที่มีเหตุการณ์สำคัญ คือในทางการเมือง มีความพยายามนำประเทศไปสู่ระบบอุตสาหกรรมใหม่ อันเป็นผลมาจากการปฏิวัติอุตสาหกรรม การเกิดพรรคการเมืองใหม่ ชื่อพรรค Whiq เพื่อตอบสนองต่อการพัฒนาประเทศให้ทันสมัย ส่งเสริมการใช้เทคโนโลยีและการพัฒนาราชการให้เอื้อต่อการลงทุนพัฒนาอุตสาหกรรมขนาดใหญ่ แทนที่จะพึ่งพาความเป็นสังคมเกษตรเพื่อการกินอยู่แบบพอเพียง และการส่งออกไปยังยุโรป ขณะเดียวกันก็เป็นยุคที่ความคิดเห็นแตกต่างระหว่างฝ่ายเหนือกับฝ่ายใต้ในประเด็นการค้าทาสที่รุนแรงยิ่งขึ้นและใกล้นำไปสู่จุดแตกหัก
Zachary Taylor, | 1849 - 1850 |
Millard Fillmore, | 1850 - 1853 |
Franklin Pierce, | 1853 – 1857 |
James Buchanan, | 1857 - 1861 |
ในราวกลางศตวรรษที่ 19 ในขณะที่มีการขยายประเทศไปทางทิศตะวันตก ได้มีการอภิปรายกันเพิ่มขึ้นในเรื่องของการใช้ทาสในดินแดนใหม่นี้ และทำให้ต้องเลิกข้อตกลง
ความคิดเห็นและผลประโยชน์ที่แตกต่าง
ช่วงแห่งสงครามกลางเมืองหรือที่เรียกว่า American Civil War นับเป็นความขมขื่น ที่ชาวใต้และชาวเหนือต่างต้องจับอาวุธเพื่อสู้รบกันเองในประเด็นการค้าทาส ในยุคดังกล่าวมีประธานาธิบดี 4 คนดำรงตำแหน่งบริหารประเทศในช่วง 16 ปี ในช่วงเวลาที่สับสนและขัดแย้งระหว่างฝ่ายเหนือ และฝ่ายใต้ รวมถึงแม้เมื่อสงครามได้สิ้นสุดแล้ว
Abraham Lincoln, | 1861 - 1865 |
Andrew Johnson, | 1865 - 1869 |
Ulysses Simpson Grant, | 1869 - 1877 |
Rutherford Birchard Hayes, | 1877 - 1881 |
รัฐทางฝ่ายเหนือเป็นรัฐที่เน้นอุตสาหกรรม ต้องการให้การค้าทาสเป็นสิ่งผิดกฎหมาย แต่ทางใต้ที่ต้องพึ่งพาแรงงานจำนวนมากเพื่อการจัดการด้านการเกษตรในไร่ขนาดใหญ่ หรือที่เรียกว่า
ในช่วงความขัดแย้ง มีทาสจากทางใต้ที่หลบหนีเพื่อไปสู่เขตที่เสรีทางตอนเหนือ ทางใต้ต้องการนโยบายจัดการกับพวกหลบหนีจากการเป็นทาส (Fugitive Slave Law)
ในข้อความของบัญญัติ Kansas-Nebraska Act ในปี ค.ศ. 1854 ได้ขอให้มีการนำข้อประนีประนอม Missour Compromise มาใช้อีก แต่การประนีประนอมทำได้ยากขึ้นสำหรับคนที่ต้องการยืนตรงกลาง ฝ่ายใต้ไม่สามารถยอมรับการเลิกทาสได้ และรู้สึกได้รับการคุกคามจากพวกที่ต้องการเลิกทาส (Abolitionists) โดยพวกนี้เห็นว่าเขากำลังทำหน้าที่สงครามแห่งจริยธรรม ส่วนพวกทางใต้พยายามให้คงการมีทาสเอาไว้ และเห็นว่าการมีทาสนั้นถูกต้องตามพระคัมภีร์ แต่ฝ่ายทางเหนือจะเห็นว่า จุดที่ยืนของเขานั้นจะไม่สามารถขัดขืนได้ ส่วนทางฝ่ายใต้ไม่สามารถยอมรับการเลิกทาสได้ เพราะการเกษตรของเขาต้องอาศัยแรงงานทาส และกลัวฝ่ายนำการต่อสู้ที่ใช้ความรุนแรง อย่างการปฏิวัติเลิกทาสที่นำโดย Nat Turner ที่ได้เกิดขึ้นในปี ค.ศ. 1831
ในขณะนั้นได้เกิดกลุ่มต่อต้านการเลิกทาสที่ใช้ความรุนแรงอย่างเช่น The Free-Soil Party ซึ่งได้เกิดขึ้นแล้ว ในขณะนั้นพรรค Whig ต้องแตกสลาย และตัวแทนทางเหนือได้ถูกกลืนเข้าสู่กระแสต่อต้านการมีทาสในกลุ่มพรรค Republican ส่วนพรรค Democrats เองก็แตกสลายและอยู่ภายใต้นโยบายประนีประนอมของ Stephen A Douglas ซึ่งเห็นว่าจะดีกว่าถ้าแยกออกเป็น 2 ประเทศ ส่วนฝ่ายเป็นกลางไม่สามารถทนต่อผลกระทบของการติดสินใจต่อกรณีที่เรียกว่า Dred Scott Case ซึ่งปฏิเสธสิทธิของรัฐสภาในการห้ามการมีทาสในท้องที่ได้ หรือกรณี John Brown ได้บุกปล้นเรือ Harpers Ferry ในปี ค.ศ. 1859 แต่จุดแตกหักมาเมื่อมีการเลือกตั้งประธานาธิบดี และพรรค Republican ได้เลือก Abraham Lincoln ซึ่งมีนโยบายเลิกทาส และเขาได้รับเลือกเป็นประธานาธิบดี
การแตกหัก
การเข้าสู่สภาพสงครามกลางเมือง เมื่อ Abraham Lincoln ได้รับเลือกเป็นประธานาธิบดีคนที่ 16 ของประเทศ
ผู้นำฝ่ายใต้ไม่รู้สึกว่าจะได้รับการดูแลอย่างยุติธรรมภายใต้การบริหารประเทศของฝ่ายพรรค Republican จึงได้แยกออกไปตั้งสหพันธรัฐของตนเองขึ้น เรียกว่าฝ่าย The Confederacy และได้เข้ายึดอำนาจการปกครองของรัฐบาลกลางในเขตรัฐของตน โดยเฉพาะอย่างยิ่งที่ Fort
สงครามกลางเมืองได้จบลง ด้วยชัยชนะของฝ่ายเหนือ และการจบสงครามกลางเมือง การรื้อฟื้นบ้านเมืองเป็นไปด้วยความยุ่งยาก เมื่อต้องเผชิญกับการถอดถอนประธานาธิบดี Andrew Johnson ในปี ค.ศ. 1868 การต้องใช้ทหารปกครองทางภาคใต้ยังคงดำเนินต่อมาในสมัย Ulysses S. Grant เป็นประธานาธิบดี ซึ่งในยุคนั้นมีปัญหาด้านคอรัปชั่น และการเลือกตั้งที่มีปัญหาในปี ค.ศ. 1876 ซึ่งได้ทำให้ Rutherford B Hayes ได้ชัยชนะเหนือ Samuel J. Tilden เป็นการสิ้นสุดการแบ่งแยกประเทศและได้เริ่มทำให้ฝ่ายใต้ได้เข้าสู่การเมืองระดับประเทศอีกครั้งหนึ่ง
No comments:
Post a Comment