Thursday, February 2, 2012

เมื่อวันพุธที่ 1 มกราคม 55 ไปกินอาหารทะเลกัน

เมื่อวันพุธที่ 1 มกราคม 55 ไปกินอาหารทะเลกัน

ประกอบ คุปรัตน์
Pracob Cooparat
E-mail: pracob@sb4af.org

Keywords: อาหาร, food, อาหารทะเล, sea food,

นับว่าเป็นวันพิเศษเล็กๆของบรรดาเพื่อนเก่าโรงเรียนเทพศิรินทร์ รุ่น 04-06 เฉพาะกลุ่มเล็กๆที่นัดได้เที่ยวกันแบบสะดวกๆ โดยนัดไปกินอาหารทะเลที่ร้านที่เป็นบ่อตกปลา และร้านอาหารไปพร้อมกัน ที่สมุทรปราการ ดูในภาพได้

ภาพ ร้านอาหารร่วมกับบ่อตกปลา จังหวัดสมุทรปราการ

ภาพ จากซ้ายไปขวา - ประสิทธิ (แขก), ธงชัย (ต๋อง), สันติสุข (จุก), พิเชษฐ (ตี๋), ประกอบ (กอบ)

ไปกันคราวนี้มีสมาชิก 5 คน ประกอบด้วย 1. ธงชัย อัจฉริยานนท์ (ต๋อง), ซึ่งเขาอยู่ที่รัฐอลาบามา สหรัฐอเมริกา และเดินทางกลับมาเยี่ยมบ้านปีละ 2-3 ครั้ง และอยู่ครั้งละนานหลายสัปดาห์ 2. ประสิทธิ์ ยามาลี (แขก) เพื่อนผู้เกษียณอายุจากการเป็นอาจารย์ที่มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ 3. พิเชษฐ์ อิศรางพร (ตี๋) เพื่อนนักธุรกิจ 4. สันติสุข วรกิจโภคาทร, พลตรี (จุก) ผู้จบการศึกษาด้านกฎหมาย และทำงานในกองทัพบกจนเกษียณอายุ และผม 5. ประกอบ คุปรัตน์ ผู้เขียนเล่าเรื่องนี้แหละ

การนัดกันคราวนี้ถือเป็นการชำระหนี้ที่คราวก่อนน้ำท่วมใหญ่เดือนกันยายนถึงต้นธันวาคม พ.ศ. 2554 หลายคนบ้านน้ำท่วม หรือไม่สะดวกในการเดินทาง ทำให้ไม่สามารถไปรวมตัวกันกินอาหารทะเลได้ คราวนี้นัดไปเลี้ยงเพื่อต้อนรับต๋องที่เขากลับจากอเมริกา

“แขก” เป็นคนนัดประสานงานครั้งนี้ โดยเขานัดให้ผมและ “ต๋อง” เดินทางไปด้วยรถไฟฟ้า BTS แล้วต่อด้วย AirportLink ลงที่สถานีรามคำแหง ใกล้บ้านเขา ส่วน “ตี๋” และ “จุก” ก็นัดมาพบพร้อมกันที่นี่ เราพบพร้อมก้นเวลา 10:30 น. การนัดโดยใช้สถานีรถไฟฟ้า AirportLink นับว่าสะดวกสำหรับทุกฝ่าย เพราะทุกคนพอนึกถึงวิธีการเดินทางไปได้โดยง่าย และไม่ต้องขับรถทั้งขาไปและกลับ พูดถึงคนวัยพวกผมแล้ว การเดินทางด้วยการขับรถฝ่าไปในการจราจรในกรุงเทพฯ ไม่ใช่เรื่องสนุกนัก

หลังจากทุกคนได้ไปถึงที่นัดหมายแล้ว ก็ใช้รถยนต์ของแขก VW Jetta ดูไม่ใหญ่ แต่นั่งได้สบาย 5 คน ผมอาสาเป็นคนขับรถ แล้วให้ตี๋ที่เป็นคนรู้ทางพาไป ซึ่งก็ไปได้ไม่ยากนัก เพราะเดินทางไปตามเส้นทาง Motorway จนถึงทางออกที่บางปะกง แล้วเลี้ยวย้อนกลับมาทางเข้ากรุงเทพฯ

ภาพ รถยนต์ Volkswagen Jetta สีแดงรูปร่างคล้ายในภาพที่เห็นนี้แหละ

เราถึงที่ร้านอาหารราวๆ 11:30 น. ระหว่างการเดินทาง ตี๋ได้โทรสั่งอาหารที่ต้องการไว้เรียบร้อยแล้ว นับเป็นอาหารจานพิเศษ เพื่อการกินกันจริงๆ เราเลือกทำเลที่กินกันในซุ้มอาหารข้างบ่อตกปลา สั่งอาหารเพียง 4 อย่าง คือ (1) ปลากะพงขาวสดเผา ขนาดราว 3-4 กิโลกรัมห่อด้วยแผ่นอลูมิเนียมบาง แล้วเผา (2) กุ้งสดต้ม สัก 2 กิโลกรัม (3) ปูม้าตัวใหญ่ๆ สัก 3 กิโลกรัม และตามด้วยต้มยำปลากด เขาสั่งเพียงครึ่งตัว แต่ตัวใหญ่ ที่สั่งทั้งหมดไม่มีสั่งข้าว หรือสลัด เรียกว่าไปกินเนื้อ อ้นได้แก่ปลา ปู และกุ้งล้วนๆ

ส่วนเครื่องดื่มก็มีสั่งเบียร์ น้ำดื่ม โค๊ก และน้ำแข็งกระติกใหญ่

ถึงเวลาเที่ยงทุกคนกำลังหิว อาหารที่สั่งมากินนั้น ไม่มีพิธีหรือขั้นตอนอะไรมาก ไม่มีสลัด ไม่มีผัก ผลไม้ เป็นอาหารจานหลัก และอาหารทะเลที่ทำกันสดๆล้วนๆ

ผมเป็นคนไม่มั่นใจว่าแพ้ปู้กับกุ้งหรือไม่ เพราะหลายๆครั้งจะแพ้ปูและกุ้งทะเล แล้วขึ้นผื่นคัน แต่ไม่นานนัก หายไปได้เอง คราวนี้หากจะแพ้ก็ยอมแล้ว ขอกินเหมือนๆคนอื่นๆ แต่ปรากฏว่าตลอดเวลาบ่ายนี้ไม่ได้แพ้เลย แต่ก็รู้ว่า หากอิ่มจะไม่ฝืนกินมากไปกว่าที่ร่างกายจะรับได้ เพราะไม่แน่ใจว่าที่อิ่มแลจุกนั้นเป็นเพราะแพ้หรือไม่

ภาพ กุ้งย่าง หรือเผา

ภาพ ปูม้าตัวโตๆ ต้ม
ภาพ ปูม้าต้ม ตัวใหญ่ๆ และสด

ภาพ Set อาหาร ไม่มีสลัด ไม่มีตัวเรียกน้ำย่อย กินเนื้อปลา ปู และกุ้ง กับเครื่องดิ่ม ตามถนัด

ภาพ ปลากะพงขาว เมื่อเผาแล้วแกะห้อกระดาษอลูมินัมออก เนื้อจะนุ่มเหนียว กินกับน้ำจิ้มมีรสเปรี้ยว หวาน เค็ม และเผ็ดพอเหมาะ

ผมเล่าถึงรสชาติอาหารไม่ได้ดีนัก แต่ว่ามันอร่อย มีน้ำจิ้มรสเผ็ดและหวานนิดๆ เนื้อปลาเมื่อลอกเอาหนังออกแล้ว ที่เป็นเนื้อนั้นจะนุ่ม เหนียว แสดงความสดหวาน เลยกินไปไม่ต่างจากกินสเต๊กปลา ส่วนปูม้านึ่งนั้น ผมกินหนึ่งตัวใหญ่ แต่ที่ร้านไม่มีคีมที่บีบก้ามปู แต่พอแกะกินได้ เนื้อปูสดมาก

ส่วนกุ้งนั้นเป็นขนาดกลาง สีแดงสด ขนาดใหญ่พอคำ ไม่รู้เรียกว่ากุ้งอะไร เห็นในภาพใครบอกได้ช่วยเขียนมาบอกด้วย

พอกินไปได้ครึ่งทาง แต่เกือบทั้งหมดอิ่มแล้ว อาหารเหลืออยู่ครึ่งโต๊ะ รู้สึกเสียดาย และกำลังคิดว่าจะทำอย่างไรกับของที่เหลือ พอมองออกว่าจะเก็บปูกับกุ้งกลับบ้าน ส่วนปลานั้นควรจะฝืนใจกินให้เหลือน้อยที่สุด สันติสุขผู้มีความเชี่ยวชาญในการกินปลา แนะนำว่าส่วนที่ยังไม่กินนั้นเป็นส่วนสำคัญและอร่อยมาก ควรจะร่วมกันจัดการเสียให้หมด การแนะนำวิธีการกินนับว่าได้ผล มีสมาชิกร่วมกินต่อมาอีกสัก 15-20 นาทีก็เกือบหมด ไม่ต้องเสียดายของ นึกแล้วพูดคุยกันว่า อย่างนี้มีคนมาเพิ่มอีกสัก 3 รวมเป็น 8 คน สั่งข้าวผัดเพิ่มสัก 1 จานใหญ่ ก็จะกินอาหารทุกอย่างได้หมด กำลังพอดีอิ่มอย่างอร่อย

นรินทร์ พานิชกิจ อดีตผู้ว่าราชการจังหวัดหลายแห่ง ศิษย์เก่าเทพศิรินทร์รุ่น 04-06

ภาพ อุเทศ ไม่ได้ไปด้วย แต่โทรถึง เผื่อครั้งต่อไป นัดไปกินกันอีก

พอพูดถึงมีสมาชิกอีกสัก 3-4 คน เลยนึกถึงเพื่อนส่วนที่เหลือ เลยเป็นเวลาที่โทรด้วยโทรศัพท์มือถือไปยังเพื่อนที่อยู่ไกล พรรคพวกเรามักจะคิดถึงเพื่อนก็ตอนอาหารจะเหลือนี้แหละ ช่วงที่กินกันไป คุยกับเพื่อนๆทางโทรศัพท์ไป แล้วส่งต่อให้พูดคุยกับเพื่อนๆ นับเป็นกลวิธีชวนเพื่อนให้มาด้วยกันในครั้งต่อๆไป ช่วยกันเล่าถึงความอร่อยของอาหาร คนที่โทรถึงคราวนี้มีอยู่ 2 คน คือ “นรินทร์ พานิชกิจ” อดีตผู้ว่าราชการหลายจังหวัด ซึ่งรวมถึงสระบุรี เชียงราย และอีกคนคือ “อุเทศ” นึกออกในที่พูดคุย เพราะเขามีครอบครัวทำงานร้านอาหาร “ห้อยเทียนเหลา” ร้านชื่อดังเมื่อตอนเด็กๆ อุเทศเป็นคนรู้เรื่องอาหารดี

เมื่อกินอาหารเสร็จผมเป็นคนขับรถกลับ รู้สึกว่าขับกลับมาจนถึงสถานีรถไฟฟ้า AirportLink ที่รามคำแหง ได้อย่างรวดเร็วมาก และหลังจากนั้นต่างคนก็ต่างแยกย้ายกลับบ้าน เมื่อเวลาประมาณ 4:00 น. หากเดินทางกลับด้วยรถยนต์จนถึงบ้าน รถคงติดมาก แต่รถไฟฟ้า BTS ทำให้ถึงบ้านได้อย่างสบายๆ

No comments:

Post a Comment