Thursday, December 27, 2012

ผมมีเพื่อนเก่าแก่รู้จักมาตั้งแต่เด็ก ชื่อแอสม่า (Asthma)


ผมมีเพื่อนเก่าแก่รู้จักมาตั้งแต่เด็ก ชื่อแอสม่า (Asthma)

ประกอบ คุปรัตน์
Pracob Cooparat
E-mail: pracob@sb4af.org

ศึกษาและเรียบเรียงส่วนหนึ่งจาก Wikipedia และประสบการณ์ชีวิต

Keywords: Health, สุขภาพ, asthma, หอบหืด, allergy, การแพ้, pets, สัตว์เลี้ยง, air pollution, มลพิษทางอากาศ

ตั้งแต่เป็นเด็กจำความได้จนโตเป็นวัยรุ่น และจนจบมหาวิทยาลัย ผมมีเพื่อนที่รู้จักติดตัวมาตลอดเวลา โดยเฉพาะในหน้าหนาว มีชื่อว่า แอสม่า หรือ Asthma หรือโรคหอบหืด


ภาพ เด็กเล็ก เมื่อมีอาการหอบหืด (Asthma) ขั้นรุนแรง นอกจากจะต้องให้ยาแล้ว อาจต้องให้ออกซิเจนช่วยหายใจด้วย แต่ทั้งหมดเป็นการรักษาตามอาการ ต้องหาสาเหตุให้พบว่า โรคนั้นเกิดจากอะไร

โรคแอสม่า หรือหอบหืด (Asthma) เป็นโรคเรื้อรังที่เกี่ยวกับทางเดินหายใจ มักเกิดขึ้นบ่อยๆในผู้ป่วย ที่ทางเดินหายใจเกิดอาการหลอดลมตีบตัน (Bronchospasm) ทำให้หายใจไม่สะดวก เมื่อหายใจมีเสียงดังฮืดๆ (Wheezing) , มีอาการไอ (Coughing), แน่นหน้าอก (Chest tightness), และหายใจได้เป็นช่วงสั้นๆ (Shortness of breath) และด้วยความยากลำบากยิ่ง

ในทางการแพทย์เข้าใจกันว่า โรคหอบหืดเป็นผลมาจากส่วนประสมของ 2 สิ่ง คือพันธุกรรม (Genetic) และองค์ประกอบสภาพแวดล้อม (Environmental factors) ในส่วนของพันธุกรรมนั้น เราคงต้องเรียนรู้กันมากขึ้นในทุกครอบครัว ตัวอย่าง ในกรณีของครอบครัวของผม มีพี่น้อง 6 คน มีพี่สาวคนโต และผมที่เป็นโรคหอบหืด แต่ผมเมื่อเป็นจะมีอาการหนักกว่าพี่สาว ในอีกด้าน คือองค์ประกอบด้านสิ่งแวดล้อม โรคหอบหืดเป็นอันมากเป็นอาการของโรคภูมิแพ้ (Allergy) ซึ่งอาการแพ้มีได้หลายอย่าง เช่น มีผื่นขึ้น เกิดอาการคัน บวมตามผิวหนัง หากเกิดในระบบทางเดินหายใจ ดังในโพรงจมูก ก็จะเกิดการจาม และในกรณีที่อาจมีอันตรายมาก คือหลอดลมเกิดอาการตีบตัน คืออาการที่เราเห็นคนเป็นโรคหอบหืดนี้ หากเป็นหนัก หายใจไม่ออก หายใจไม่ทัน ก็อาจถึงกับเสียชีวิตได้

การรักษาพยาบาล ก็มักเป็นการรักษาพยาบาลตามสภาพอาการ เมื่อเกิดอาการหลอดลมตีบ ก็พ่นยา หรือกินยาเพื่อขยายหลอดลม ซึ่งต้องไปพบแพทย์ อย่าใช้ยากหรือกินยาเอง

การป้องกันที่ดีคือ ดูแลสภาพแวดล้อมที่ทำให้เราไม่ต้องไปอยู่ในสภาพที่เสี่ยงจะเกิดโรคหืด เช่น การหลีกเลี่ยงที่นอนสกปรก มีไรฝุ่น ที่นอนที่มีวัสดุที่คนแพ้ได้ง่าย เช่น นุ่น ขนนก ฯลฯ หรือทำงานในที่ๆมีฝุ่นละอองมาก เช่น โรงสีข้าว โรงทอผ้า โรงเลี้ยงสัตว์ที่เราแพ้ เช่น เป็ด ไก่ หมู หรือวัว ในสวนที่มีดอกไม้ ละอองเกสร ในโรงเพาะเห็ดที่ต้องมีความชื้น เห็ด เชื้อรา ในปล่องภูเขาไฟ ที่มีควันของสะสารที่ระเหยออกมา แล้วทำให้บางคนเกิดอาการแพ้

ในด้านสภาพแวดล้อมที่ทำให้คนเราแพ้ (Allergy) แล้วเกิดอาการหอบหืด เป็นเรื่องที่สามารถดูแลป้องกันได้ หากเรารู้ว่าเป็นโรคแพ้อะไร ก็ต้องหลีกเลี่ยงสภาพแวดล้อมนั้นๆ

โดยทั่วโลก โรคหอบหืดได้เกิดมากขึ้นเรื่อยๆ ตามสภาพแวดล้อมที่เสื่อมลงตั้งแต่ปี ค.ศ. 1970 เป็นต้นมา ในปี ค.ศ. 2010 เข้าใจว่ามีผู้ป่วยได้รับผลกระทบจากโรคหอบหืด 300 ล้านคนทั่วโลก ตั้งแต่ปี ค.ศ. 2009 มีสำรวจพบมีผู้เสียชีวิตทั่วโลก จากโรคหอบหืดปีละ 250,000 คน

ในกรณีของผม โชคดีที่พระเจ้าให้เพื่อนที่น่ากลัวชื่อ “แอสม่า” มา แต่มันก็ทำให้ผมได้รับพรสวรรค์จากธรรมชาติ ทำให้ผมเป็นคนช่างสังเกต (Observer) และไม่เชื่ออะไรง่ายๆ เมื่อเด็กๆ มีคนบอกว่า หากร่างกายเราแข็งแรง เล่นกีฬาที่ทำให้ปอดใหญ่ โรคหอบหืดก็จะหายไป ผมก็ทำ เล่นกีฬา ฟุตบอล ว่ายน้ำ วิ่งทน จนถึงเล่นรักบี้ ฯลฯ พร้อมกับกินอาหารดีๆ ที่ทำให้ร่างกายเติบโตเร็ว ก็พบว่าจริงส่วนหนึ่ง หากร่างกายเติบใหญ่ แข็งแรง โรคหืดก็กำเริบน้อยลง

อีกด้านหนึ่ง เมื่อผมพบว่าอยู่ในสภาพแวดล้อมอะไรแล้วทำให้เกิดอาการแพ้ ก็หลีกเลี่ยงสิ่งนั้น เช่นพบว่า แพ้แอลกอฮอล (Alcohol) เหล้า เบียร์ ไวน์ เมื่อดื่มแล้วเกิดอาการผื่นแดง คัน ก็ไม่ดื่ม ผมมีน้องชายคนเล็ก (ปัญจะ คุปรัตน์) ที่แพ้แอลกอฮอล ดื่มเบียร์แล้ว เกิดผื่นคัน เหมือนกับผม แต่เขาเลือกค่อยๆดื่มที่ละน้อยๆ ดื่มจนไม่แพ้ แต่ผมต้องเลือกไม่ดื่ม เพราะมันคันและทรมานมากกว่าจะสนุกกับการดื่ม

ในด้านอากาศ ผมรู้ตัวเองว่าหลอดลมและปอดวัยต่อสภาพอากาศมาก ก็ไม่สูบบุหรี่ที่ทำให้ปอดและระบบหายใจแย่ลงไปอีก ตั้งแต่วัยรุ่นเป็นต้นมา ก็ไม่เที่ยวบาร์ คลับ หรือในที่ๆมีคนสูบบุหรี่มากๆ อัดกันในที่แคบๆ

เมื่ออยู่ในสภาพแวดล้อมที่มีฝุ่นมาก โดยเฉพาะฝุ่นสกปรกในบ้าน ในห้องนอนที่ต้องใช้ชีวิตวันละกว่า 8 ชั่วโมง ก็ทำบ้านให้สะอาด และใส่ใจกับห้องนอนมากที่สุด เมื่อพบว่าเมื่อไปอยู่ต่างประเทศ ตามบ้านและหอพัก เขาใช้ที่นอนแบบสปริง (Coil spring) ใช้ผ้าห่มแบบใยสังเคราะห์ แล้วอาการหอบหืดลดลงหรือหายไปอย่างมาก ก็เลือกที่จะทำห้องนอนให้ไม่มีวัสดุ หรือสารที่ทำให้เราแพ้ได้ง่าย สำหรับผม ห้องนอนเล็กๆก็ไม่เป็นไร แต่ขอให้ปลอดฝุ่น ปรับอากาศอุณหภูมิสัก 25c เพื่อป้องกันสิ่งที่เป็นเกสรดอกไม้ หรือฝุ่นที่ผมอาจแพ้ ผมใช้ชีวิตในช่วงหลายสิบปีที่ผ่านมา หลังจากจบการศึกษากลับจากต่างประเทศ ก็ใช้ชีวิตแบบควบคุมสภาพแวดล้อมนี้แหละ

สำหรับคุณพ่อคุณแม่ที่พบว่าลูกมีอาการแพ้อะไรง่าย และแพ้แล้วเป็นที่ระบบหายใจ เป็นหอบหืด ก็ขอให้กำลังใจครับ ขอให้ตั้งสติให้ดี อย่าตกใจ หรือใช้อารมณ์ ใช้สติและปัญญา ให้เวลาใกล้ชิดลูก โดยเฉพาะที่ยังเล็กๆ ใช้การสังเกตให้เป็นประโยชน์ โรคหืดเป็นอันมากเกิดจากสภาพแวดล้อมที่เด็กแพ้ ตั้งแต่อาหารการกิน น้ำ อากาศ วัสดุเครื่องใช้ สัตว์เลี้ยงที่ใกล้ตัว ค่อยๆทำความเข้าใจ ตั้งวงสนทนากับกลุ่มคนที่ลูกมีอาการป่วยอย่างเดียวกัน คุยกับหมอ อ่านตำรา หรือเขียนมาพูดคุยหรือถามจากผมก็ได้ครับ

ด้วยความรักและปรารถนาดีจาก ผม “ลุงกอบ”

No comments:

Post a Comment