เครื่องบินโดยสารยักษ์
Airbus A380 หนึ่งในงานออกแบบที่เยี่ยมยอดในรอบ 100 ปี
Keywords: การเดินทาง, transportation, การขนส่ง,
การบิน, aviation, การออกแบบ, designs, นวัตกรรม, innovation, Airbus A380
ความนำ
เครื่องบินระดับมหายักษ์ หรือ Super
Jumbo หรือเรียกว่า “ยักษ์ที่อ่อนโยน”
หรือจะเรียกว่าอะไรก็ตาม มันเป็นเครื่องบินโดยสารไอพ่นที่ได้รับการคัดเลือกโดย Deyan Sudjic
ผู้อำนวยการพิพิธภัณฑ์ออกแบบแห่งลอนดอน (London's Design Museum)
ให้เป็นหนึ่งใน 12 การออกแบบที่ดีที่สุดในระยะ 100 ปีที่ผ่านมา ในปี ค.ศ. 2005 Airbus A380 ได้ท้าทายการผูกขาดของเครื่องบินโดยสารขนาดยักษ์ของโบอิง
(Boeing) เครื่องบินนี้สามารถจุได้สูงสุดถึง 850 ที่นั่ง
Airbus
A380 งานออกแบบที่ดีที่สุดหนึ่งใน 12 รายการ ในช่วง 100 ปีที่ผ่านมา
ศึกษาและเรียบเรียงจาก Wikipedia, the
free encyclopedia
เครื่องบินโดยสารเชิงพาณิชย์
A380 | |
บทบาท
Role |
|
ชาติแหล่งกำเนิด
National origin |
|
ผลิตโดย
Manufacturer |
|
การบินเที่ยวแรก
First flight |
27 เมษายน ค.ศ. 2005
27 April 2005 |
การเริ่มสั่งจองแรก
Introduction |
|
สถานะ
Status |
กำลังอยู่ในการผลิตและให้บริการ
In production, In service |
ผู้ใช้รายแรกๆ
Primary users |
|
การผลิต
Produced |
ค.ศ. 2004 จนถึงปัจจุบัน
2004–present |
จำนวนผลิตจนถึงปัจจุบัน
Number built |
|
ราคาต่อหน่วย
Unit cost |
หรือ 12,117 ล้านบาท
|
เครื่องบิน Airbus
A380 เป็นเครื่องบินที่มีนั่งผู้โดยสารสองชั้น (Double-deck), ลำตัวกว้าง (wide-body)
เป็นเครื่องบินโดยสารที่มีขนาดใหญ่ที่สุดในโลก
หลายสนามบินทั่วโลกต้องปรับปรุงสถานที่เพื่อรองรับเครื่องบินใหญ่ขนาดนี้ A380
ถูกออกแบบมาเพื่อท้าทายการผูกขาดการผลิตเครื่องบินขนาดใหญ่ของ Boeing
ของสหรัฐอเมริกา Airbus A380 ได้เริ่มการบินครั้งแรกในวันที่
27 เมษายน ค.ศ. 2005 และเริ่มบินในเชิงพาณิชย์ในเดือนตุลาคม
ค.ศ. 2007 โดยสายการบิน Singapore Airlines
ความใหญ่ของ A380 และมีที่นั่งบนพื้นสองชั้น
(Double deck) ที่ยาวตลอดลำตัว
กว้างเท่ากับเครื่องบินขนาดใหญ่ที่สุด จึงทำให้ A380-800 มีพื้นที่ห้องผู้โดยสาร ขนาด 478 ตารางเมตร
มีพื้นที่มากกว่าเครื่องบินขนาดใหญ่สุดที่รองลงมา คือ Boeing 747-8 ร้อยละ 49 ทำให้รองรับที่นั่งผู้โดยสารแบบคละ 3 ชั้น (3
classes) ได้ 525 คน
และหากปรับเป็นชั้นประหยัด (Economy class) หมด จะจุได้ 853
คน
A380-800 มีระยะทางบินได้ไกล 15,700 กิโลเมตร เพียงพอที่จะบินตรง ระหว่างนิวยอร์ค-ฮ่องกง
โดยมีความเร็ว Mach 0.85 หรือประมาณ 900 กิโลเมตร/ชั่วโมง
จนถึงเดือนพฤษภาคม ค.ศ. 2013 Airbus A380
ได้รับการสั่งจองแล้ว 262 เครื่อง
สามารถผลิตส่งให้กับลูกค้าแล้ว 103 เครื่อง ลูกค้าใหญ่สุด
คือสายการบิน Emirates สั่งจองถึง 90 เครื่อง
การตลาด
Market
ภาพ เครื่องบิน A380 ต้นแบบ เมื่อบินประกาศตัวที่งานแสดงเครื่องบินที่กรุงปารีส
ปี ค.ศ. 2005
Airbus A380 on MAKS 2011,
Russia.
การจะผลิตเครื่องบินใหญ่ขนาด
A380 ก็ต้องแน่ชัดว่าจะมีความต้องการในตลาดในปัจจุบันและอนาคตอย่างเพียงพอกับกำลังการผลิตในเชิงพาณิชย์หรือไม่
ในปี ค.ศ. 2007 เขาคาดว่าจะมีความต้องการเครื่องบินขนาดใหญ่มาก
(Very Large Aircraft – VLA) 1,283 ลำ ในช่วงจนถึง 20
ปีข้างหน้า และความต้องการอาจเพิ่มมากถึง 1,771 ลำ ความต้องการนี้จะเนื่องจากการขยายตัวของเมืองใหญ่ (Urbanization)
และการเติบโตทางเศรษฐกิจของเอเชีย
คำอธิบายคือ
สนามบินทุกแห่งจะมีข้อจำกัดที่มีเครื่องบินขึ้นลงได้เป็นตามจำนวนลำ
การขยายบริการจึงเป็นเรื่องของการขยายขนาดของแต่ละลำจะรับผู้โดยสารได้มากเพียงใด
นั่นคือเหตุผลที่ทำให้ต้องใช้เครื่องบินขนาดใหญ่ขึ้น
ซึ่งจะใช้ประโยชน์ในการบินระยะทางไกล และรับผู้โดยสารแต่ละเที่ยวจำนวนมาก
ภาพ ในกระบวนการผลิตและประกอบ
เนื่องด้วยต้องเกี่ยวข้องกับหลายชาติที่มีส่วนร่วมในการผลิต
จึงต้องมีกระบวนการผลิตและจัดส่งที่ซับซ้อน รวมถึงการต้องลำเลียงทางเรือตามแม่น้ำ
ผ่านขนาดความสูงของสะพานที่เป็นข้อจำกัด
No comments:
Post a Comment