Saturday, October 24, 2009

ก่อนจะพูดเราเป็นนาย แต่พูดไปแล้ว คำพูดกลายเป็นนายเรา

ก่อนจะพูดเราเป็นนาย แต่พูดไปแล้ว คำพูดกลายเป็นนายเรา

ประกอบ คุปรัตน์

สถาบันเด็ก มูลนิธิเด็ก

สุภาษิตไทย เศรษฐกิจพอเพียง

มีสุภาษิตจีนที่ฝรั่งนำไปขยายความว่า "Once a word leaves your mouth, you cannot chase it back even with the swiftest horse". แปลความเป็นไทยได้ว่า "เมื่อคำพูดได้หลุดจากปากของท่านไปแล้วนั้น ท่านไม่สามารถวิ่งไล่นำมันกลับมาได้ แม้จะใช้ม้าที่เร็วสักปานใด"

หรือมีสุภาษิตบทหนึ่งกล่าวว่า "ก่อนจะพูดเราเป็นนาย แต่พูดไปแล้ว คำพูดกลายเป็นนายเรา" ซึ่งเขาเตือนสติเอาไว้ว่า อย่าพูดออกไปโดยไม่ได้คิด หรือพูดออกไปโดยที่ยังไม่ได้ตรวจสอบ ใคร่ครวญให้รอบคอบ พูดหรือสัญญาอะไรไปแล้ว ก็จะไม่สามารถรักษาคำพูดได้

เราพูดออกไปอย่างเร็ว ทำด้วยความโกรธ พูดขณะกำลังเมา หรือพูดไปด้วยความรักและลุ่มหลงชั่วขณะ ทั้งๆ ที่จริงๆ ก็ไม่ได้เจตนาจะพูดอย่างนั้น พูดไปเพราะเรามีอารมณ์ แต่พอเสร็จแล้ว อารมณ์เราสงบลง ได้คิดจะกลับไปขอโทษเขา หรือขอเปลี่ยนคำพูด แต่เขาอื่นนั้น อาจไม่ยกโทษให้กับเรา เพราะเขายังผูกใจเจ็บ หรือจำคำพูดของเราเอาไว้ ยังจำไม่รู้ลืมในสิ่งที่เราได้พูดไปแล้ว

ในวัฒนธรรมการค้าของจีนในสมัยก่อน คำพูดนั้นมีความหมาย หากได้กล่าวอะไรที่เป็นข้อตกลงกันแล้ว เขาถือว่านั่นเป็นสัญญาแล้ว แม้ในปัจจุบัน เราจะให้ถือทุกอย่างตามสิ่งที่เขียนไว้เป็นสัญญา เพราะในการตกลงกันนั้น แท้จริงมีข้อความปลีกย่อยที่ต้องจัดทำเป็นรายละเอียดอีกมาก ดังนั้น เขาให้ถือว่าได้ตกลงกันนั้นเป็นโดยหลักการ และจะเป็นทางการอีกครั้งหนึ่งเมื่อมีการทำสัญญาอย่างเป็นลายลักษณ์อักษร พร้อมมีการลงนามของทั้งสองฝ่ายตามข้อตกลง และมีพยานของทั้งสองฝ่ายลงนามกำกับไว้

ในวัฒนธรรมการค้าระหว่างบริษัทญี่ปุ่นกับไทยที่มีเชื้อสายจีน มาลงทุนทำการค้าร่วมกันนับเป็นสิบๆปี แต่สิ่งที่สำคัญที่สุด คือความผูกพันต่อกันในฐานะบุคคล ความเชื่อถือ การพูดหรือตกลงกันที่ต้องรักษาคำพูด แต่ในการดำเนินธุรกิจแบบญี่ปุ่นนั้น เขามีลักษณะเป็นองค์การ เป็น Collective เมื่อเขาเจรจาและตกลงเป็นบุคคล แต่เมื่อจะเปลี่ยนแปลงนโยบาย เขาก็จะเปลี่ยนคณะผู้บริหาร มีการย้ายกลับ และส่งคนมาใหม่ เงื่อนไขเดิมๆที่เคยมีกันมา ก็ถือว่าไม่ได้รับทราบ จะเป็นก็เพียงต้องมีลายลักษณ์อักษรเท่านั้น

ในเรื่องการรักษาคำพูดนั้น ก็เป็นเรื่องที่ถือว่ามีความสำคัญ แต่ในทางปฏิบัติ ให้ถือหลักว่า หลังจากนั้น จะต้องมีการทำสัญญาให้เป็นลายลักษณ์อักษร เพื่อให้สัญญาที่เป็นคำพูดนั้น มีผลอย่างสมบูรณ์ในทางกฎหมาย

No comments:

Post a Comment