Saturday, October 24, 2009

การลับสมองอยู่ตลอดเวลา (Brain Fitness)

การลับสมองอยู่ตลอดเวลา (Brain Fitness)
ประกอบ คุปรัตน์

Keywords: Society, learning, การลับสมอง

คำว่า Physical Fitness น่าจะแปลได้ว่า “ความสมบูรณ์ของร่างกาย” อันหมายความว่ามีความพร้อมทางด้านร่างกายที่จะทำงานที่ต้องใช้ร่างกายได้อย่างดี คำว่า “สมบูรณ์” คนไทยหลายคนไปให้ความหมายเหมือนคำว่า “อ้วน” หรือมีเนื้อมาก

คำว่า Brain Fitness น่าจะหมายถึง ความสมบูรณ์ หรือความแข็งแรงของสมอง โดยมีพื้นฐานความเชื่อที่ว่า ความสามารถด้านการใช้ส่วนความรู้ ความจำ การวิเคราะห์ สังเคราะห์ หรือ Cognitive abilities นั้นจะรักษาให้คงมีคุณภาพได้ ก็ด้วยต้องมีการใช้สมอง พัฒนาสมองอย่างต่อเนื่อง ผลการวิจัยเองพบว่า สมองนั้น หากมีการใช้ การได้ทำงานด้วยสมองอย่างพอเหมาะสม ทำงานสร้างสรรค์ ทำด้วยใจรัก สนุกที่จะทำ และทำอย่างสม่ำเสมอ และไม่เครียดจนเกินไป จะช่วยลดโอกาสการเป็นโรคหลงลืม (Dementia)

ความจริงการวิจัยอย่างเป็นวิทยาศาสตร์เกี่ยวกับ Brain Fitness นั้นไม่เหมือนกับด้านสุขภาพกาย ที่มีข้อค้นพบที่ชัดเจนมากกมายว่า การออกกำลังกายอย่างพอเหมาะสม่ำเสมอจะช่วยทำให้มนุษย์มีสุขภาพดีแข็งแรงเป็นเวลายาวนาน ทำให้มีอายุที่ยาวนาน

ผมเองมีความเชื่อว่า อะไรก็ตาม ควรต้องเดินทางสายกลาง คือไม่ใช่ทำอะไรก็ต้องทำอย่างหมกหมุ่น หักโหม ไม่ได้หลับไม่ได้นอน อย่างนี้ก็มากเกินไป เหมือนกับคนอายุมากแล้ว แต่ยังอยากทำตัวเป็นคนหนุ่มสาว ออกกำล้งกายที่หนักเกินไป ก็อาจจะกลายเป็นการบั่นทอน การออกกำลังกายนั้น เขาแนะนำให้ออกกำล้งกายอยู่เสมอ แต่ว่าต้องให้พอเหมาะ ไม่หนักหรือเบาจนเกินไป

สมองก็เช่นกัน คนเราก็ต้องใช้สมองไปเรื่อยๆ ตราบเท่าที่สมองเรายังทำงานได้ดี

ผมเองเกษียณอายุแล้ว ได้ลดงานที่จะต้องทำอย่างหนักลง ทำอะไรที่หลากหลายขึ้น อะไรที่ไม่เคยทำ ก็อยากจะทำ ทำเพื่อให้ได้เรียนรู้

คำว่า Life long learning หรือเรียนรู้ตลอดชีวิตนั้น นับว่าเป็นความจำเป็นสำหรับคน ที่ยิ่งอายุมากขึ้น ก็ต้องหันมาเรียนรู้ใหม่ แต่เรียนด้วยใจอยากทำ ไม่ใช่ทำอย่างเครียด

ปัจจุบัน ผมชอบเข้าไปค้นหาความรู้ ดังเช่นใช้ Google เพื่อค้นหา ตามด้วยใช้สารานุกรมอย่าง Wikipedia เพื่อเรียนรู้ความรู้ด้านต่างๆอย่างกว้างขวาง รู้แล้ว ก็นำมาแปล และสอดใส่ความคิดความเห็นส่วนตัวของเรา และอาจนำประสบการณ์ที่ได้มาในชีวิตมาเพิ่มเติม

เดี๋ยวนี้ ผมเรียนรู้กิจกรรมออนไลน์อย่างคนรุ่นใหม่เขาทำกัน ดังเช่น การใช้ Twitter หรือที่เขาเรียกว่า Social Network คือเป็นการเชื่อมโยงตนเองเข้ากับระบบสังคมออนไลน์ Twitter ทำให้ผมต้องเขียนอย่างสั้นๆ คือไม่เกิน 140 ตัวอักษร หรือประมาณ 2-3 บรรทัด เขียนแล้วก็ทำ Link หรือเชื่อมโยงกับความใหญ่ๆที่ผมชอบไปศึกษาและนำเสนอ ที่คนทั่วไปอาจไม่สนใจอย่างเรา

กิจกรรมที่ได้กระทำ ดังนี้ ก็ถือว่าเป็นการลับสมองที่เป็นประโยชน์ และก็อยากให้เพื่อนๆที่เคยเป็นนักวิชาการมาก่อน ลองมาทำดูบ้าง ผมเคยเป็นครูอาจารย์ มีหน้าที่ไปสอน ไปบรรยาย ก็ทำมามากแล้วในชีวิต ตอนนี้ก็หันมาเป็นนักเรียน เรียนทุกวัน เรียนแล้วก็นำมาเสนอแลกเปลี่ยนกัน

อีกอย่างหนึ่งที่ทำ คือการไปท่องเที่ยว ภรรยาผมเขาเป็นคนชอบท่องเที่ยวเหมือนกัน เมื่อจะเที่ยว เขาก็จะศึกษาสถานที่ อ่านหนังสือ ศึกษาแผนที่ วางแผนการท่องเที่ยว ผมเองเป็นประเภทไปไหนก้ได้ แล้วผมก็จะเข้าศึกษาผ่านอินเตอร์เน็ต เรียนรู้ หาข้อมูลที่เกี่ยวข้องเพิ่มเติม เรียกว่าไปเที่ยวกัน 2 คน แต่นำคนอีกหลายร้อยไปเที่ยวด้วย โดยกลับมาเขียนเล่าให้คนอื่นๆได้ชม และได้อ่าน

No comments:

Post a Comment