โดย @pracob
รวบรวมและนำเสนอ
13/04/53 11:33 น.
ความนำ
ในช่วงตั้งแต่ก่อนวันที่ 10 เมษายน ค.ศ. 2010 ผมได้เข้าไปเขียนข้อความแลกเปลี่ยนกับบรรดาชาว Twitter เกี่ยวกับสภาพการ ความไม่สงบ และขัดแย้งทางการเมืองที่เกิดขึ้นในประเทศไทย ส่วนใหญ่ผมจะเขียนเป็นภาษาอังกฤษ พยายามทำหน้าที่เป็นผู้แปลข่าว ลดความสับสน นำข้อมูลส่วนที่อาจยังไม่รับรู้กันในแวดวงนานาชาติมานำเสนอ และบางครั้งก็มีคนเข้ามาแลกเปลี่ยนความคิดนี้
ข้อความที่เรียงลำดับนี้ เป็นข้อความจากเก่าไปหาใหม่ แต่เกิดขึ้นในช่วง 2-3 วันนี้ ที่ผมได้ทราบและรู้สึกคือ มีคนเป็นอันมากที่ทุกข์ใจ บางคนเข้ามาแล้วก็หายไป เพราะผมคิดว่า เขาคงเครียดเพิ่มขึ้น เพราะหลายสิ่งไม่ได้เป็นไปอย่างที่เขาอยากให้เป็น และบางครั้งเขาก็จะรับไม่ได้ แม้แต่ผู้สื่อข่าวหลายคน เขาก็เครียด เก็บกด และผิดหวังกับสิ่งที่เกิดขึ้น ในฐานะที่ผมเป็นผู้ใหญ่แล้ว สิ่งที่ผมจะทำและได้ทำอยู่แล้ว คือพูด เขียน และนำเสนอสิ่งต่างๆ โดยใช้อารมณ์ให้น้อยที่สุด พยายามทำให้เกิดการรับรู้ในข้อเท็จจริง ไม่ทำให้ความขัดแย้งขยายตัว และทำให้เกิดสติและปัญญา มีทางออกในการแก้ปัญหาร่วมกัน
ในโลกนี้ ไม่มีใครได้อะไรทุกอย่างสมดังใจตนเอง ไม่มีพระเอก หรือผู้ร้าย อย่างขาวกับดำ ในโลกแห่งความเป็นจริง มักจะเป็นสีเทาๆ แต่กระนั้น หากเราจะพัฒนาต่อไปในฐานะบุคคล สังคม หรือประเทศ เราต้องหันมาเรียนรู้และทำความเข้าใจกับทุกสิ่งอย่างเป็นจริง และต้องยอมรับในความเป็นจริง (All truth, nothing but the truth) เผชิญหน้ากับมัน และหาทางออกที่ตั้งอยู่บนฐานความเป็นจริง
ละวางความโกรธและเกลียด
20. Shanghai29 @pracob There should be a social pressure to his family/relatives. Hope Thais won't forget and allow him to return and live here happily.
ในกรณีนี้ คุณ Shanghai29 คงหมายถึงคุณทักษิณ ชินวัตร ว่า สังคมควรไปกดดันครอบครัวเขาหรือไม่ ผมเห็นว่า ในการขัดแย้งกัน อย่างน้อยเราต้องมีความสุภาพ (Civility) และเป็นอารยะพอที่จะไม่นำเรื่องครอบครัวเขามาเกี่ยวข้อง ไม่ว่าจะเป็นคุณทักษิณ หรือบุคคลสำคัญในฝ่ายรัฐบาล หากมีฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งกระทำ เราก็ต้องไม่ไปทำอย่างที่เขาได้กระทำแล้ว ต้องใช้มาตรฐานที่สูงกว่าเสมอ
ประชาธิปไตยบนถนน
19. Shanghai29 @pracob Are they also saying that democracy at Rajprasong intersection is the real democracy?
แน่นอนว่าการชุมนุมที่แยกราชประสงค์ (Rajprason, BKK) ไม่เป็นสิ่งที่เหมาะสม เพราะไปสร้างความเสียหายแก่ธูรกิจเขา
การชุมนุมโดยใช้กลางถนนราชดำเนิน (Rachadamnern) ก็ไม่ใช่วิธีการที่ถือว่าสันติวิธี เพราะส่วนสำคัญไม่ใช่เพียงการสื่อสารสาระทางการเมืองของผู้ประท่วง แต่เป็นการไปสร้างวิกฤติ เครียดและผลกระทบจากการจราจรที่ติดขัดอย่างรุนแรง มีพ่อแม่นักเรียนบางคนในช่วงการเคลื่อนคน มีคนที่ต้องติดอยู่บนถนนนอกบ้านนานถึง 13-14 ชั่วโมง แต่ก็ยังรุนแรงน้อยกว่าที่บริเวณราชประสงค์ ศูนย์การค้าขนาดใหญ่ของประเทศ โรงแรมต้อนรับนักท่องเที่ยวต่างชาติระดับหรู แลโรงพยาบาล ซึ่งมีผลกระทบต่อชีวิตผู้คนที่เขา ที่เขาไม่ได้รู้เรื่องอะไรด้วย
หากการชุมนุมที่คิดว่าเป็นไปด้วยสันติและยอมรับได้ ต้องไม่ไปสร้างความเดือดร้อนให้กับผู้คน แต่ควรเน้นไปที่การนำความจริงมาเผยแผ่ ดังนั้น การประชุมหากมีผู้ชุมนุมมาร่วมไม่มาก ไปหาสถานที่ๆคนมาสะดวก อาจเป็นที่สนามหลวง หรือถนนราชดำเนินนอก แถวหน้าสนามมวยราชดำเนินกา ซึ่งง่ายในการรักษาความปลอดภัย คนนำการประท้วง ก็ให้เน้นการให้ข้อมูลข่าวสาร และอุดมการณ์ทางการเมือง นั่นย่อมมีสิทธิที่จะกระทำ อย่างนี้ยังถือว่าเป็นสิทธิในการนำเสนอทางการเมือง
การชุมนุมที่จะยอมรับได้ว่าเป็นสันติอหิงสา คือการเน้นไปที่การให้ข้อมูล ความคิดและอุดมคติ อุดมการณ์ และต้องไม่นำพาให้คนต้องออกไปประทะกัน
บทบาทของสื่อมวลชน
ในโลกยุคใหม่ สื่อสารมวลชนมีลักษณะที่แตกต่างจากเมื่อ 10-20 ปีที่ผ่านมา ในสมัย 14 ตุลาคม ค.ศ. 1973 ซึ่งเรียกว่าเป็นการปฏิวัตินักศึกษา (Students’ revolution) นั้น คนเข้ามาร่วมกันมากมายยิ่งกว่าในครั้งนี้ แต่สื่อที่ได้ผลในยุคนั้น คือการพิมพ์ด้วยเครื่องโรเนียว แผ่นปลิว และกลไกของชมรมและองค์การนักศึกษา และอาศัยเวลาในการก่อตัวนับเป็นหลายๆเดือนเป็นลำดับ ประกอบกับการนำเสนอข่าวโดยหนังสือพิมพ์อย่างน้อยส่วนหนึ่งที่ เมื่อจังหวะเหมาะ ก็พร้อมที่จะนำเสนอข่าวอย่างกว้างขวาง
ในปัจจุบันสื่อยุคใหม่ที่เรียกว่า Digital Technologies มีโอกาสที่คนจะใช้สื่อเพื่อการสื่อสารอย่างกว้างขวางมาก มีทั้งอินเตอร์เน็ต Websites, Webboard, Twitter, Facebook, สื่อที่สำคัญอีกสองอย่างคือ วิทยุชุมชนที่อาศัยวิทยุ FM ที่มีแรงส่งต่ำเรียกว่า Low Powered FM (LPFM) และโทรทัศน์ผ่านดาวเทียม (Satellite TVs) ซึ่งทำให้ผู้รับสารที่อยู่ห่างไกล สามารถรับฟังและชมรายการได้อย่างกว้างขวาง แม้อยู่ไกลจากตัวเมือง
มีคนกล่าวว่า “มีปลายปากกาเป็นอาวุธ” หรือคนที่มีความสามารถในการเขียน การพูด หรือวิธีการนำเสนอ ย่อมเท่ากับเขามีอาวุธที่ไม่ยิ่งหย่อนไปกว่าปืน หรือรถถัง
18. Shanghai29 @pracob TJA, Cable TV, free TV shall control their own people in terms of ethic, then they have full right to have freedom of media.
ผมเองเข้าไปนำเสนอทัศนะเกี่ยวกับการบริหารสื่อว่า ต้องมีการบริหารจัดการมากกว่าที่เป็นอยู่ การจัดการ (Management) มีได้หมายความว่า รัฐเข้าไปดำเนินการ แต่ต้องมีการเฝ้าดูได้ ผมเป็นห่วงว่าในยามขัดแย้งรุนแรง จะมีคนใช้สื่อเพื่อการปลุกปั่น ก่อความไม่สงบได้อย่างง่ายๆ และเมื่อมี่คนมาร่วมชุมนุมเป็นพันเป็นหมื่น ความเสียงที่จะควบคุมฝูงชนไม่ได้ ก็จะไม่ต่างอะไรจากการมีอาวุธที่มีฝูงชนเป็นเครื่องมือ แต่ผมก็ยังไม่สามารถหาคำตอบได้ว่า เราควรจะทำกันอย่างไร หวังว่าผมจะมีเวลาไปศึกษามากกว่านี้
ผมเข้าไปเขียนวิจารณ์สื่อที่มีลักษณะไปนำคำพูดของคนบนเวทีหาเสียง แล้วส่งต่อความคิดเห็นนั้นๆไป ผมไม่เห็นด้วยกับสิ่งเหล่านี้ แต่ฝ่ายสื่อเองด้วยความเคารพ เขามีทัศนะที่ต่างกันไป มีชาวต่างชาติที่อยู่ในเมืองไทย พวกผู้สื่อข่าวหลายคนเขาไม่เห็นด้วยกับผม แต่ผมไม่มีโอกาสที่จะแสดงความคิดเห็นอย่างละเอียดใน Twitter ที่นำเสนอได้ครั้งละ 140 ตัวอักษร
จากการชุมนุมเรียกร้องในครั้งนี้ มีการใช้สื่อใหม่อย่างโทรทัศน์ผ่านดาวเทียม อินเตอร์เน็ต ระบบ Social Network อย่าง Twitter และ Facebook เป็นเครื่องมือในการรณรงค์ให้ได้ตามวัตถุประสงค์ของตน บางครั้งเป็นการนำสื่ออย่างหนึ่งไป เรียกว่า “ปล่อยข่าวลือ” (Spread the rumor) เสนอและเผยแพร่ผ่านสื่ออื่นๆต่อไป เรียกว่าเป็นการกระจายข่าวที่อาจไม่มีพื้นฐานของความเป็นจริง มีเป็นอันมากที่ไม่มีการตรวจสอบ แต่เพียงนำไปเสนอกันอย่างไร ก็เสนอต่อไปอย่างนั้น คนที่ไม่ได้มีวิจารณญาณ ก็จะเชื่อและนำไปเผยแพร่ต่อไปได้แล้ว ซึ่งอันตรายสำหรับสังคมที่คนยังไม่มีระดับการศึกษาพอที่จะรู้ว่าอะไรควรเชื่อหรืออะไรไม่สามารถเชื่อได้
สื่อกับการให้ข้อเท็จ
สื่อในที่นี้ผมเจาะจงที่วิทยุชุมชนและโทรทัศน์ผ่านดาวเทียม ซึ่งถือเป็น Mass media ที่มีบทบาทกับคนระดับรากหญ้าอย่างมาก
ผมเห็นว่า “สื่อ” หรือ Media โดยเฉพาะสื่อที่จะไปถึงชาวบ้าน คนระดับรากหญ้านั้น เรายิ่งต้องระวัง ผมเองไม่อยากให้เราต้องไปตรวจสอบสื่อเหมือนประเทศเผด็จการ แต่ขณะเดียวกัน เราก็ไม่พร้อมที่จะปล่อยให้คนใช้สื่อกันอย่างไม่ต้องมีการตรวจสอบคัดกรอง ดังจะเห็นได้ว่า มีการโฆษณาขายสินค้าที่อาจเข้าข่ายหลอกลวงในสื่อได้อย่างกว้างขวาง โดยกระทรวงสาธารณสุขไม่สามารถเข้าไปดูแล ขนาดขายน้ำจากขยะ หลอกให้คนไปใช้เป็นยาหยอดตารักษาต้อกระจก ดังนี้ก็มี หากมีการปล่อยกันอย่างไม่ดูแล คงมีวัดหลายวัด หรือคนลงทุนศาสนาพานิชย์ ก็คงเข้าไปโฆษณาพระเครื่อง หรือใบ้หวย หมอดู ฯลฯ
ในทางการเมืองยิ่งมีอันตรายกว่านั้น การหลอกลวงด้วยข้อมูลที่ไม่ใช่ข้อเท็จจริงนั้นเป็นปัญหา แต่จะทำอย่างไร คงเป็นเรื่องที่สื่อสารมวลชนคนที่เรียกร้อง “สื่อเสรี” (Freedom of Journalism) จะต้องมาช่วยกันวางกรอบ หรือวางระบบที่ทำให้สื่อได้ทำหน้าที่อย่างที่ควรเป็น แต่เท่าที่สังเกต กลไกขององค์การด้านสื่อเอง ก็ไม่มีความสามารถที่จะดูแลจัดการกันเองได้
17. Shanghai29 @pracob Freedom of media is acceptable. Lying to the public is not acceptable!
ผมเห็นด้วยกับคุณ Shanghai29 ว่าเสรีภาพของสื่อนั้นเป็นสิ่งที่ดีและสังคมต้องมีความอดทนในความเห็นที่แตกต่าง แต่นั่นต้องแยกระหว่างความจริง (Truth) กับความเห็น ความจริงนั้นต้องพิสูจน์ได้ด้วยหลักฐาน ข้อเท็จจริง และจิตใจของคนที่เป็นธรรม และรักความเป็นจริง แต่ข้อมูลที่ไม่มีการตรวจสอบ มีการบิดเบือน ปล่อยข่าว ด้งนี้ย่อมเป็นอ้นตรายต่อสังคมและประเทศชาติ
การรักษากฎหมาย
ท่านประธานศาลปกครองได้ออกมาแสดงความคิดเห็นว่า กฎหมายนั้นมีเอาไว้เพื่อการทำให้บ้านเมืองมีความสงบสุข และฝ่ายรัฐบาล หรือบ้านเมือง ก็ต้องบังคับใช้กฎหมาย หากกฎหมายเป็นเหมือน “ระฆัง” (Bell) หากไม่มีการบังคับใช้กฎหมายอย่างมีประสิทธิภาพแล้ว ก็เหมือนระฆังที่ไม่มีลูกตุ้ม
เป็นคำอธิบายที่ชัดเจน และหาสังคมไทยจะเดินหน้าต่อไปได้ ก็ต้องมีการรักษากฎหมายอ่างเคร่งครัด และเห็นด้วยว่าในกรณีของคนกรุงเทพฯ ก็ต้องให้การสนับสนุนให้ฝ่ายปกครอง รัฐบาลได้ใช้กฎหมายอย่างเคร่งครัด มั่นใจและมีพลัง การใช้กฎหมายอย่างลังเล กล้าๆกลัวๆ ย่อมจะทำให้การใช้กฎหมายไม่ได้ผล กลายเป็นเหมือนทำให้คนดื้อยา ไม่ต้องเกรงกลัวกฎหมาย ไม่ต้องเคารพกฏระเบียบของบ้านเมือง
16. ChaCha_254 RT @pracob It's Bangkokians time to support Gov force to perform duties with confidence to bring back normalcy to BKK. #redshirt #welovethai
ผมเห็นด้วยที่ฝ่ายบ้านเมืองต้องรักษากฎหมายและความศักดิ์สิทธิของกฎหมาย รัฐบาลมีสิทธิที่จะใช้อำนาจ กำลังตำรวจหรือทหารที่จะดำเนินการกับผู้ฝ่าฝืนกฎหมาย มิฉะนั้นรัฐก็จะเป็นอนาธิปไตย เกิดสุญญากาศทางการเมือง ย่อมก่อให้เกิดความข้ดแย้งที่รุนแรงยิ่งขึ้น โดยตามหลัก การดำเนินการให้เป็นไปตามกฎหมาย และให้คนส่วนใหญ่ได้เข้าใจ ย่อมสามารถทำได้ แต่หากการดำเนินการไม่ทันท่วงที เหตุการณ์ขยายต้วไปอย่างกว้างขวางแล้วนั้น กฎหมายก็จะไม่มีทางศักดิ์สิทธิ
ซึ่งน่าเห็นใจฝ่ายรัฐบาล กำลังตำรวจ และทหารที่เขาต้องปฏิบัติหน้าที่ของเขา และต้องเผชิญกับฝูงชน และในนั้นมีผู้กระทำการในลักษณะดังผู่ก่อการร้าย ใช้อาวุธร้ายแรงดัง เครื่องยิงระเบิด M76, ระเบิดมือ ระเบิดแสวงเครื่องที่ทั้งข่มขวัญ และทำลายชีวิตแก่ทหาร และการใช้เครื่องยิงระเบิดอย่าง M76 นี้ ได้เกิดขึ้นมาก่อนหน้านี้นับเป็นหลายสิบครั้งแล้ว แต่ไม่มีความรุนแรงเท่าในวันที่ 10 เมษายน ค.ศ. 2010
สังคมต้องมีการกลไกในการได้ข้อมูล คณะกรรมการสิทธิมนุษยชน และส่วนงานอื่นๆที่จะต้องออกมาหาข้อเท็จจริง เพราะสังคมไม่สามารถเดินหน้าไปได้ในสภาพความหวาดหวั่นกับการคุกคามด้วยความรุนแรง ที่จะมีผลกระทบต่อสังคม เศรษฐกิจ และการเมืองของไทยอย่างมาก
การบริหารสื่อ
มีผู้ให้คำขวัญว่า “สื่อเสรี สังคมเสรี” และในหลักการนี้ ฝรั่งตะวันตกเขาย่อมเห็นอย่างนั้น ในสังคมไทยในอนาคต ผมอยากให้เป็นอย่างนั้น แต่ระหว่างช่วงเปลี่ยนผ่าน เราจะทำอย่างไร
15. WrisJarrett @pracob Do you think that's a good thing?
มีผู้ถามผมในสื่อว่า ผมเห็นด้วยหรือกับการต้องควบคุมสื่อ เรื่องนี้ตอบได้ยาก หากเป็นในสหรัฐอเมริกาหรือสังคมตะวันตกนั้น เขาให้เสรีภาพแก่สื่ออย่างกว้างขวาง การวิพากษ์วิจารณ์สถาบันกษัตริย์ดังในประเทศสหราชอาณาจักร และในยุโรปเหนือที่มีระบบกษัตริย์ภายใต้รัฐธรรมนูญนั้นมีกันโดยทั่วไป แต่เมื่อเขาให้เสรีภาพแล้วนั้น การวิพากษ์วิจารณ์ก็มีอย่างกว้างขวาง แต่มักจะไม่ได้รุนแรง ไม่เหมือนกับการระบายความเก็บกดดังที่มีในสังคมไทย
หากเป็นในสังคมจีน เวียตนาม มาเลเซีย สิงคโปร์ เขาคงควบคุมสื่อ มากหรือน้อยต่างกันไป ในช่วงคุณทักษิณครองอำนาจ สื่อก็รับรู้ถึงการคุกคามในหลายรูปแบบ
แต่ในสังคมไทยนั้นผมไม่เห็นด้วยกับการควบคุมสื่ออย่างในประเทศเผด็จการ เรามีธรรมชาติของการไม่บังคับควบคุมขนาดนั้น แต่กระนั้น ก็ตาม ผมให้ความเห็นได้ยาก แต่หวังว่าในอนาคต เราต้องหาทางปฏิรูปสื่อ และสังคมที่ต้องบริโภคสื่อกันใหม่ การปิดกั้นไม่ช่วยในการแก้ปัญหา และในทางตรงกันข้าม การปล่อยเสรีอย่างไม่มีขอบเขตและไม่มีความรับผิดชอบนั้น สื่อก็กลายเป็นอาวุธอย่างหนึ่งที่จะใช้ในการทำลายกัน
ใครอยู่เบื้องหลัง
14. intelestimates RT @pracob: When Billionnaire Thaksin turn prime minister of THA, his monopolistic nature is more than a threat. Why? --NO MORALS NO ETHICS
มีหลายคนที่เข้าไประบายความไม่ชอบคุณทักษิณ ชินวัตรที่เข้ามา Phone-in หลายๆครั้ง บางคนเข้ามาเขียนในลักษณะการด่าทอในรูปแบบต่างๆ รวมทั้งการเข้าไปเสนอข่าวที่เป็นเหมือนข่าวลือเกี่ยวกับสุขภาพว่ามีการป่วยหนัก ผมมีทัศนะว่า เรื่องการปล่อยข่าวลือนั้นไม่ใช่วิธีการ เพราะหากเป็นข่าวลือ ท้ายสุดเขาออกมาปฏิเสธและพิสูจน์ได้ ความน่าเชื่อถือก็จะลดลง แต่สิ่งหนึ่งที่คนติดใจกัน คือคนส่วนใหญ่เชื่อว่าคุณทักษิณอยู่เบื้องหลังการข่มขู่ด้วย “ระเบิดรายวัน” และการสังหารและทำให้ทหารบาดเจ็บไปเป็นจำนวนมาก แม้จะยังไม่สามารถจับใครได้อย่างเป็นเรื่องเป็นราว แต่นั้นก็ไม่สามารถไปรบล้างความสงสัยเหล่านั้น ว่าคุณทักษิณอยู่เบื้องหลัง ซึ่งสื่อสารมวลขนคงต้องไปศึกษาในเชิงลึก และนำเสนอว่าใครอยู่เบื้องหลังสิ่งเลวร้ายที่เกิดขึ้น
ปัญหาภูเขาน้ำแข็ง
ปรากฏการณ์ภูเขาน้ำแข็ง (Iceberg Phenomenon) สิ่งที่เราเห็นเป็นเพียง 1 ใน 10 ของภูเขาน้ำแข็ง
มีหลายๆคนพุ่งเป้าไปที่คุณทักษิณ ชินวัตรที่อยู่เบื้องหลังปัญหาที่เกิดขึ้นนี้ แต่เขาไม่ใช่เพียงคนเดียว สังคมต้องเข้าใจระบบที่เรียกว่า Thaksinism หรือ Thaksinomics คือระบอบสังคม เศรษฐกิจ และการเมืองอย่างที่เขาทำให้เกิดขึ้นนี้ มีหลายอย่างที่เป็นสิ่งที่ดี่ คนพอใจ โดยเฉพาะคนระดับรากหญ้า แต่ขณะเดียวกัน ก็มีคนที่เขาไม่ชอบ ไม่พอใจในระบบที่มีความไม่ชอบธรรม มีการแบ่งฝ่ายเล่นพรรคเล่นพวก และการทุจริตกันดังที่เป็นเรื่องปรากฏในการพิจารณาของศาล และความชอบไม่ชอบนี้ได้มีส่วนฝังรากลึกลงไปในสังคมไทย เพราะโดยข้อเท็จจริง คนที่ได้ประโยชน์เขาก็ชอบ ไม่ว่าจะถูกหรือผิดอย่างไร และเมื่อมีการเปลี่ยนแปลงทางการเมือง คนเหล่านั้นก็กลายเป็นคนเสียประโยชน์ ที่เขาย่อมไม่ชอบอย่างแน่นอน ยิ่งคุณทักษิณมีทั้งอำนาจคนและยังมีเครือข่ายอยู่ทั่วไป การที่จะใช้ประโยชน์จากปัญหาที่มีอยู่แล้ว สร้างความร้าวฉานให้เกิดขึ้นหนักขึ้นไป ก็กระทำได้อย่างกว้างขวางรุนแรง
การจะแก้ไขปัญหาต้องมีความเข้าใจในปรากฏการณ์ดังกล่าว และต้องมียุทธศาสตร์แก้ไขปัญหาอย่างเป็นรูปธรรม ไม่ใช่มองเพียงปัญหาที่เห็น แต่ต้องเข้าใจในรากเง้าของปัญหาที่ต้องมองทางแก้ไขไปพร้อมๆก้น และต้องกระทำอย่างเข้าใจในข้อเท็จจริง เผยแพร่ให้คนเข้าใจ และช่วยก้นแก้ปัญหา เพราะไม่มีใครคนเดียวที่จะแก้ปัญหานี้ได้
ทางแก้ไขไม่ใช่กระทำได้ง่ายๆในเวลารวดเร็ว แต่เราทำได้โดยต้องใช้เวลา และใช้กระบวนการทางการเมืองแบบประชาธิปไตย และต้องใช้การเจรจา ประสานประโยชน์ในส่วนต่างๆ หากมีปัญหาทางความเหลื่อมล้ำทางสังคมและเศรษฐกิจ ก็ต้องแก้ไขไปอย่างจริงใจ และใช้เวลา
แต่ทั้งหมดนี้ต้องอาศัยกระบวนการทางการเมืองในระบอบประชาธิปไตย ซึ่งอาจจะต้องมีการปรับแก้รัฐธรรมนูญเพื่อให้เกิดความเป็นธรรมกับทุกฝ่ายและรวมถึงฝ่ายการเมือง นักการเมือง และเมื่อมีการเลือกตั้งแล้ว ไม่ว่าผลจะเป็นอย่างไร ก็ต้องยอมรับด้วยกันทุกฝ่าย และต้องให้กระบวนการทางรัฐสภา และกลไกอื่นๆที่ยอมรับได้เป็นส่วนของการแก้ปัญหา
เราต้องใช้ปัญญาในการแก้ปัญหา
10. mai_geek RT @pracob: It's the time we reduce the heat, and add more light - bring peace & normalcy back to Bangkok. // I couldn't agree more krub..
เมื่อเหตุการณ์ได้บานปลาย จนมีการปะทะ มีผู้เสียชีวิตจำนวนหนึ่ง และมีผู้บาดเจ็บจำนวนมาก ตลอดจนมีการใช้วิธีการก่อการร้าย ลอบยิงและใช้วิธีการดังสงครามกันนั้น เป็นเรื่องยากที่จะนำความสงบกลับสู่สังคมได้อย่างรวดเร็ว สิ่งหนึ่งที่จะแนะนำได้ คือทุกฝ่ายต้องร่วมมือกันที่จะช่วยกันหาทางออก ให้เกิดแสงสว่าง (Light) มากกว่าที่จะใช้อารมณ์เข้าใส่กัน และหาทางชนะกันอย่างเด็ดขาด (Win/lose) ซึ่งไม่สามารถกระทำได้จากทั้งสองฝ่าย คนโดยทั่วไป ทุกหมู่เหล่าในสังคม ต้องมาช่วยกันหาทางออก โดยเฉพาะคนที่ยังพอมีสติ ต้องมาช่วยกันรับผิดชอบต่อสังคม อย่านิ่งเฉยดูดาย
9. mai_geek RT @pracob: It's time for a nation to be color-blinded for awhile, reduce heat & hate, have warmth within family, get bless from elders.
ในสภาวะความเครียด คนที่มีจิตใจจดจ่อกับสิ่งที่เกิดขึ้นนั้น จะยิ่งมีความเครียด เหมือนคนในสหรัฐหลายล้านคนที่เคยเกิดความเครียดในช่วง 9/11 เมื่อตึก World Trade Center คู่แฝดถูกโจมตี มีคนเสียชีวิตเกือบ 3000 คน มีโทรทัศน์ถ่ายทอดตลอดเวลา ย่อมไปทำร้ายความรู้สึกของคนนับล้านๆคนอย่างหนักหนาสาหัส
ในประเทศไทยในวันที่ 10 เมษายน ค.ศ. 2010 ก็มีลักษณะเป็นเช่นนั้น หากเราเป็นคนธรรมดา ไม่ว่าจะฝ่ายไหน เราก็จะรู้สึกเครียด ซึมเศร้า ทางออกคือต้องลดการรับรู้ข่าวสารอย่างมากๆเอาไว้ชั่วคราว และต้องลดความรู้สึกโกรธ เกลียด แต่ต้องมาช่วยกันคิดหาทางออกที่จะลดระดับความรุนแรงของเหตุการณ์ลง
8. mai_geek RT @pracob: We are convinced Thailand will come back strong by reduce all causes of conflict, & learn from this costly lesson.
ที่สำคัญคือต้องมาช่วยกันให้ความเชื่อมั่นกลับคืนมา
ในวันรุ่งขึ้นหลังเหตุการณ์วันที่10 เมษายน ค.ศ.2010 มีผู้ได้รับบาดเจ็บหลายร้อยคน และมีเสียชีวิตจำนวน 20 กว่าคน นับเป็นความเศร้าของสังคมไทย ความจริงในช่วงสงกรานต์เกือบุทุกปี ในยามไม่มีความขัดแย้ง เราก็มีคนเจ็บและตายมากกว่านี้ แต่ไม่ใช่ด้วยความขัดแย้งต่อกัน
ทางกำจัดความเครียด
ผมได้ผ่านโลกและความข้ดแย้งทางการเมืองที่นำมาสู่ความสูญเสียมาหลายครั้งในประเทศไทย ตั้งแต่เหตุการณ์ 14 ตุลาคม ค.ศ. 1973, 6 ตุลาคม ค.ศ. 1976, พฤษภาคม ค.ศ. 1992 และครั้งนี้ก็เช่นกัน เราจะผ่านพ้นไป และหวังว่าเราจะได้เรียนรู้จากบทเรียนราคาแพงเหล่านี้ได้
7. intelestimates RT @pracob: NATION COMMENT Democracy can't die... @nationnews << lang="TH">1 Apply The Law To Terrorists Leaders
สำหรับเด็กๆ คนรุ่นหนุ่มสาว ผมทราบดีว่าเขาจะต้องมีความเครียด โกรธ เกลียด หากยิ่งเขาเป็นคนมีความห่วงใยในสังคมมาก ก็จะยิ่งมีความเครียดหนักตามไป หลายคนเริ่มสงสัยว่า ใครคือคนในชุดดำ ที่อยู่ปนกับคนเสื้อแดง ซึ่งมีจำนวนเป็นร้อยๆคน เขาคือใคร และมาจากไหน
6. intelestimates RT @pracob: "นักรบนิรนาม" ในชุดดำคือใคร? @suthichai <<>
ผมและคนอื่นๆก็สงสัยเช่นเดียวกัน และคงต้องการทราบว่าได้มีอะไรเกิดขึ้น ใครคือคนที่ใส่ชุดดำ (Men in black uniform) เขาเป็นใคร มาจากไหน ใครอยู่เบื้องหลังเขาเหล่านั้น
5. SotaroWilliam @pracob Thai authorities have to make it clear whose bullet killed him.
ได้มีเจ้าหน้าที่ระดับสูงของกองทัพบกที่เป็นผู้นำในการปราบการจลาจล ต้องเสียชีวิตลงด้วยการลอบยิงด้วยกระสุนสังหารจากระยะไกล และเป็นข้อสงสัยที่จะต้องมีการสืบหาสาเหตุว่า ใครคือผู้ลั่นไกสังหาร หรือการยิงระเบิด M76 เข้าไปยังกลุ่มทหาร ซึ่งสร้างความเสียหายอย่างรุนแรง
การสู้รบต้องยุติลงชั่วคราว เพื่อไม่ให้ความขัดแย้งรุนแรงไปกว่านี้ เพราะมิฉะนั้น ททหารฝ่ายปราบการจลาจลก็อาจต้องใช้กระสุนจริงแทนกระสุนยาง ที่จะต้องทำให้มีผู้บาดเจ็บล้มตายกันไปยิ่งมากกว่านี้อีก และนั่นก็เป็นการผิดวัตถุประสงค์
4. RatasitC RT @pracob: ill education, poverty, submissive culture > wide income gap, rote learning, networking, group politics, corruption, propaganda.
ผมได้ Post ข้อความขึ้นไป เพื่อให้คนได้มองไปในระยะไกล มองถึงปัญหาที่เราต้องปรับปรุงการศึกษาของเรา ผมมองว่าปัญหาคือเรื่องของการเรามีระบบการศึกษาที่ไม่ดีพอ คนหลงเชื่ออะไรง่าย ง่ายต่อการล้างสมอง และเพราะเรามีความยากจน และวัฒนธรรมที่ยอมตามคนอย่างง่ายๆ โดยไม่ได้มีความคิดอิสระที่จะตัดสินใจได้ด้วยตนเองนี้เอง และเห็นว่า เราควรต้องแก้ไขกันตั้งแต่เด็กๆ เพราะในทุกปีทุกชั้น จะมีเด็กๆรุ่นใหม่เข้าสู่ระบบการศึกษาประมาณ 800,000 คน
มีคนอย่างคุณ @RatasitC เข้ามาเพิ่มเติมความเห็นด้วย และเขาบอกว่าเพราะเรามีปัญหาด้านรายได้ที่ต่างกันระหว่างคนมีและคนยากจน การเรียนแบบท่องจำ (rote learning) เป็นหลักทำให้ไม่มีความคิดวิเคราะห์ สังเคราะห์ หรือตรวจสอบข้อมุล, การที่คนเรามีการรวมตัวกันในกลุ่มเหมือนทางความคิด (networking) ผมตีความอย่างนั้น, การเมืองที่แบ่งเป็นฝักเป็นฝ่าย (group politics) มีพวกเขา พวกเรา, ปัญหาการคอรัปชั่น (corruption), และการที่มีแต่การโฆษณาชวนเชื่อ (propaganda)
ผมเห็นด้วยกับปัญหาเหล่านี้ และเห็นว่า การจะปฏิรูปการศึกษาที่เราจะทำได้นั้น คงไม่รอให้รัฐบาลเป็นคนทำ แต่เรา พ่อแม่ ผู้ปกครอง คนในชุมชน ต้องมาร่วมกันจัดการศึกษาใหม่ ที่จะไม่ทำให้เด็กๆและเยาวชนรุ่นใหม่ ไม่ถูกป้อนเข้าสู่สังคมขัดแย้งอย่างไม่มีทางออกด้งเช่นที่เป็นอยู่ในปัจจุบัน
3. mai_geek @pracob Happy Songkran Day krub. Thank you for sharing your great thoughts and philosophy ti public krub. I'm so inspired and admired by you
ผมจะเริ่มเช้าวันใหม่ ด้วยการเข้าไป Post ข้อความอวยพรให้กับผู้อ่านให้เริ่มต้นวันใหม่อย่างมีความสงบ ละลดความโกรธ เกลียด หรือหลง และช่วยกันหาทางออกให้กับสังคม ผู้ใหญ่หลายคนคงคิดเหมือนผม เราผ่านโลกมามากพอที่จะเห็นว่าจะต้องแก้ปัญหาบ้านเมืองกันด้วยสติ ความอดทน และด้วยมนุษยธรรมอย่างสูง การมีความรักและการให้อภัยกัน
คุณ mai_geek ได้เข้ามา Post ข้อความขอบคุณในวันสงกรานต์ และอวยพรให้เช่นเดียวกัน ผมขอขอบคุณ และส่งความปรารถนาดีไปยังคนรุ่นหนุ่มสาวทุกคน ไม่ว่าเขาจะอยู่ที่ใด ความรักในบ้านเมืองทำให้เขาเครียด ผมได้คุยกับหลายคนที่เขาจะทำใจไม่ได้ ผมขอให้ใครก็ตามหากเครียด ก็ให้ละวางจากสื่อ แล้วหาสถานที่ๆเงียบสงบ เข้าวัด เข้าโบสถ์ตามความเชื่อของตน มีเงินทำบุญช่วยคนบาดเจ็บ ไปเยี่ยมคนบาดเจ็บ โดยพยายามอย่าไปเลือกว่าเขาเป็นใครและใส่เสื้อสีใด เขาล้วนได้รับเคราะห์กรรมที่เขาไม่ได้เป็นคนสร้าง
สันติสุขแด่ชาวไทยทุกคน
2. mai_geek RT @pracob: All Thais should differentiate truth from belief system & deception behind it.
ผมมีความเห็นว่า คนไทยเรา ต้องแยกระหว่างสิ่งที่เป็นความจริง (Truth) ข้อเท็จจริง ออกจากส่วนที่เป็นความเชื่อ (belief system) และความไม่จริง การหลอกลวง (Deception) มันเหมือนกับในสงคราม ที่เขาใช้การโฆษณาชวนเชื่อ มันมีความจริงบางส่วน แต่ปนไปกับสิ่งที่เป็นความเท็จ เพื่อที่จะชักจูงให้คนหลงผิด เข้าใจผิด
1. mai_geek RT @pracob: In the long run, education is the best cure for mass "brainwashing".
ผมหวังว่าในระยะยาว เราจะต้องพัฒนาการศึกษาของเรา การศึกษาที่ทำให้คนมีปัญญา มีวิจารณญาณ สามารถรับฟังข้อมูลจากหลากหลายแห่ง และมีความสามารถในการชั่งใจ ตรวจสอบข้อมูล เพื่อให้เรามีภูมิต้านทานต่อการล้างสมองแบบหมู่ (mass brainwashing) อย่างที่เรากำลังประสบกัน
ในวันสงกรานต์ ปีใหม่ของไทยเรานี้ ขอทุกท่านประสบความสุขสันติ มีความอบอุ่นในครอบครัว และขอส่งใจไปถึงทุกฝ่าย ให้ใช้สติปัญญา ความอดทน และความรักในเพื่อนมนุษย์ที่จะร่วมกันแก้ปัญหาของชาติ ให้กลับมาสู่ความเป็นปกติโดยเร็ว
No comments:
Post a Comment