Tuesday, April 13, 2010

ทางออกที่ต้องใช้สติและปัญญา

ทางออกที่ต้องใช้สติและปัญญา

@pracob
รวบรวมข้อมูล

ยามจะจมน้ำ แม้หมาเน่าลอยมาก็ยังต้องเกาะ

หลังจากความขัดแย้งทางการเมืองที่ดำเนินมากว่า 2 เดือน และมาถึงจุดความรุนแรงสุดในวันที่ 10 กันยายน พ.ศ. 2553 ที่มีผู้เสียชีวิตไปอย่างน้อย 23 ราย และมีบาดเจ็บที่ยังต้องอยู่ในโรงพยาบาลเกือบ 200 คน และขณะนี้ทั้งสองฝ่ายก็ยังอยู่ในระยะพักรบช่วงสงกรานต์

ในการแก้ปัญหาความขัดแย้งและหาทางออกให้กับสังคมนั้น นักการเมืองอย่างคุณบรรหาร ศิลปะอาชา อดีตนายกรัฐมนตรีและหัวหน้าพรรคชาติไทย เป็นเครื่องมือที่สำคัญ แต่ก็นั่นแหละ คนในพรรคประชาธิปัตย์ และส่วนที่ยืนอยู่อย่างแข็งกร้าวคือพรรคการเมืองใหม่ นักวิชาการหลายคนมองคุณบรรหารเป็นนักการเมืองตกยุค แต่ในที่นี้ ต้องยอมรับว่า คุณบรรหารอาจเป็นตัวเลือกสำหรับสังคมไทยที่จะนำการเมืองออกจากทางตัน ที่ทุกฝ่ายต้องรับฟัง เพราะความแข็งกร้าวและแตกหัก แพ้ชนะกันไปข้างหนึ่งนั้นจะไม่มีทางที่ใครจะชนะเด็ดขาดในสภาพปัจจุบัน

โดยทางออกแล้ว คุณบรรหารคงต้องการให้มีการแก้รัฐธรรมนูญก่อน แต่ไม่ต้องไปทำประชามติ เพราะอาจมองได้ว่ามีการเล่นเกมส์ซื้อเวลา ดังที่จาตุรนต์ ฉายแสงได้นำไปกล่าววิจารณ์หรือแม้แต่โจมตีอยู่บ่อยๆ

คุณบรรหารเสนอว่า ไม่ต้องรอนานขนาด 9 เดือนเพื่อให้มีการเลือกตั้ง แต่ระดับ 6 เดือนก็เพียงพอ ทั้งนี้ต้องอาศัยความร่วมมือจากฝ่ายการเมืองทั้งพรรครัฐบาลและพรรคฝ่ายค้าน และลึกๆแล้ว คนจะเข้ามาแก้รัฐธรรมนูญเขาต้องการประโยชน์จากการแก้ครั้งนี้แน่ หากเขาเสียเปรียบก็คงไม่ทำ

มองอย่างลึกๆ คุณอานันท์ปันยารชุนได้ให้ทัศนะว่า คุณทักษิณจะกลับมาสู่เส้นทางการเมืองในประเทศไทยได้โดยตรงนั้น เป็นเรื่องเป็นไปได้ยาก "เขาได้ไปไกลเกินกว่าที่จะกลับมาแล้ว" ผมเองก็เห็นว่า โดยทั่วไปแล้ว ความหวาดกลัวเกินเหตุก็ไม่ดี ทำให้ทางเลือกในการตัดสินใจมีน้อยลง ในอีกด้านหนึ่ง การยอมแพ้ (Submissive) ให้กับคนใช้กำลัง ความรุนแรง การลอบทำร้าย ลอบสังหารอย่างที่เห็นกันนั้น ก็เป็นเรื่องที่ยอมรับไม่ได้

การที่คุณบรรหารเสนอที่จะเจรจากับคุณทักษิณนั้น คนทั่วไปอาจไม่ยอมรับ แต่ในทางการสงคราม เราก็ยังต้องเจรจากับข้าศึก การมีคนอย่างคุณบรรหาร เพื่อให้มีการสื่อสารทางการเมืองเพื่อผ่าทางตันนั้น จึงเป็นความจำเป็น สำคัญคือต้องให้มีทางออกของบ้านเมือง นอกเหนือไปจาก การปฏิวัติรัฐประหาร หรือปล่อยให้มีการต่อสู้กันให้ฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งชนะเด็ดขาด ซึ่งจะก่อให้เกิดความเสียหายแก่บ้านเมืองอย่างมหันต์

1 comment:

  1. ในที่นี้ ผมไม่ได้หมายความว่าใครเป็นหมาเน่า ซึ่งดูเหมือนจะเป็นของน่ารังเกียจ แต่ผมอยากจะแนะนำคนที่เกี่ยวข้องว่า บางครั้งคนเราติดยึดกับค่านิยม ความเชื่อ ความกลัว หรือสิ่งที่เรายึดถือจนไม่ได้มีโอกาสที่จะประมวลทุกอย่างได้อย่างมีสติ

    ผมมองในแง่ดี คุณบรรหารอายุมากแล้ว การที่่จะมีโอกาสได้ทำอะไรให้กับบ้านเมือง เพื่อทำให้มีทางเลือก ทางออก ก็พึงกระทำ หากจะมีคนไม่เห็นด้วยก่นด่า ก็ต้องทำใจ และทำไป หากจะเกิดทางเลือกสำหรับบ้านเมืองให้พ้นจากวิกฤติรุนแรง

    ReplyDelete