Monday, August 8, 2011

ใช้ชีวิตอย่างมีจินตนาการ ไม่ใช่จมอยู่กับอดีต

ใช้ชีวิตอย่างมีจินตนาการ ไม่ใช่จมอยู่กับอดีต

ประกอบ คุปรัตน์
Pracob Cooparat
E-mail: pracob@sb4af.org

Keywords: proverbs, สุภาษิต

Live out of your imagination, not your history. ~ Stephen Covey
ใช้ชีวิตอย่างมีจินตนาการ ไม่ใช่จมอยู่กับอดีต ~ สตีเฟน โควี

เมื่อคนอายุมากขึ้น เกษียณอายุการทำงานแล้ว ส่วนหนึ่งคือได้ประสบความสำเร็จในชีวิตมามากแล้ว และบางครั้งก็ติดอยู่กับชีวิตแห่งความสำเร็จเหล่านั้น แล้วจะพูดถึงแต่สิ่งที่ตนเองทำ ก็ไม่ผิดอะไรหรอกที่เราจะภูมิใจกับสิ่งดีๆที่เราทำ มีบางคนที่ไม่ประสบความสำเร็จในชีวิต เคยทำผิดพลาดไป แล้วเมื่อเวลาอยู่กับเพื่อนๆที่พอจะระบายได้ ก็จะพูดถึงแต่สิ่งที่เขาเจ็บปวดกับสิ่งที่มีคนกระทำกับเขา หรือการที่เขาได้ตัดสินใจผิดพลาด ใช้ชีวิตผิดทิศทาง แต่รวมแล้วคนทั้งสองลักษณะก็คือคนที่ใช้ชีวิตอย่างน้อยส่วนหนึ่งอยู่กับอดีต

คนบางคนเคยทำงานอย่างหนึ่งมาตลอดชีวิต แต่พออายุมากขึ้น ก็ยังอยากทำงานอย่างนั้นไปเรื่อยๆ หากไม่ได้ทำแล้วจะรู้สึกขาดอะไรไปสักอย่าง แต่งานที่เขาทำอยู่นั้นก็เป็นงานที่ซ้ำเดิม ไม่มีอะไรใหม่เพิ่มขึ้นมา คนแบบนี้ก็มีอยู่มาก และหากไม่ได้ทำงานอะไรเลย ก็จะทำให้สภาพจิตใจย่ำแย่ ซึมเศร้า แต่ถ้าได้ทำงาน ก็จะทำให้ดูกระปี้กระเปร่า

แต่คนเราทุกคนมีสิทธิคิดทำอย่างเปลี่ยนแปลงชีวิต เคยทำอะไรมามากแล้ว ถึงเวลาที่ต้องเปลี่ยนแปลงบ้าง ได้เรียนรู้ในสิ่งใหม่ๆบ้าง และไม่ว่าเราจะอายุมากเท่าใด ชีวิตที่เหลืออยู่ก็ยังมีความหมาย ที่จะทำอะไรที่ได้มองไปข้างหน้าต่อไป แม้การมองนั้นจะไม่ใช่ไปทำอะไรใหญ่โตขึ้นไปอีก แต่ได้ทำในสิ่งแปลกใหม่ที่ไม่ซ้ำซาก

มีบางคนมีอาชีพเป็นนักบริหาร แต่เมื่ออายุมากขึ้นเกษียณจากงานประจำที่เขาทำแล้ว ก็ไปฝึกเรียนวาดภาพ แล้วก็พบว่าตนเองวาดภาพได้ดี วาดแล้วมีเก็บไว้มากๆ เปลืองที่ก็นำไปขาย แล้วปรากฏว่างานที่เขาวาดแล้วนำไปขายนั้นเป็นที่นิยม ขายได้เรื่อยๆ เขาก็หันมาวาดภาพเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ วาดแล้วก็ต้องเปลี่ยนวิวทิวทัศน์ของภาพที่วาด ก็ได้ไปเที่ยวในที่ต่างๆ เก็บภาพถ่ายบ้าง ไปนั่งในบรรยากาศเหล่านั้น แล้ววาดภาพออกมาบ้าง ก็ยิ่งมีความสุขกับการทำงานที่เขาได้ใช้จินตนาการ งานแต่ละชิ้นที่ทำก็ไม่ซ้ำกัน

คนๆหนึ่ง ชอบทำอาหาร เมื่อก่อนทำกินเองในครอบครัว เมื่อเกษียณจากงานประจำ ก็เลยชวนเพื่อนๆมานั่งกินนั่งดื่มกัน แล้วก็ทำกับข้าวกินกันที่บ้านเป็นครั้งคราว ได้ทดสอบฝีมืออาหาร ทำอาหารแล้วสนุก มีคนกิน มีคำติชมให้ได้ปรับปรุง ครั้นอยู่มา อยากลองทำร้านอาหารเล็กๆ โดยที่ตัวเองเป็นพ่อครัว มีคนช่วยอยู่ไม่กี่คน ทำสไตล์อาหารอย่างที่ตัวเองชอบ ส่วนตัวเองก็ทำหน้าที่เหมือนพ่อครัวกับการเป็นผู้กำกับการทำอาหาร หรือจะเรียกว่า Food director ก็คงไม่ผิด ร้านอาหารเขาเป็นร้านที่ขายดี มีสไตล์อาหารที่มีลักษณะเฉพาะ เขาทำงานนี้แล้วมีความสุข มีเพื่อนเก่าๆแวะเวียนมากินอาหาร ได้พูดคุยกัน การทำครัวและการทำงานทำให้เขาได้ออกกำลังกาย เวลาเหนื่อยหรือไม่ว่าง ก็มีแม่ครัวที่ฝึกให้ทำอาหารในสไตล์อย่างที่เขาทำได้ ส่วนอาหารของเขา เพราะความที่เป็นคนชอบคิดสร้างสรรค์ จึงประดิษฐเมนูอาหารใหม่ๆออกมาเป็นระยะ

คนทุกคนมีชีวิตที่เป็นของตนเอง การเกษียณอายุการทำงานหนึ่ง ไม่ใช่ว่านั่นเป็นสุดท้ายของชีวิต เพียงแต่ว่าชีวิตการทำงานภาคบังคับได้สิ้นสุดลงแล้ว ต่อไปนี้คือจุดเริ่มต้นของงานภาคอิสระหรืออาสาสมัคร ดังนั้นจึงขอให้เราได้มีสิทธิเลือกทำในสิ่งที่เราชอบ ทำงานหนักหรือเบาเท่าที่เราจะมีความสุข ทำแล้วทำให้ชีวิตมีความหมายในอีกแบบหนึ่ง

No comments:

Post a Comment