Wednesday, August 17, 2011

มารู้จัก Mitt Romney ผู้อาสาชิงตำแหน่งประธานาธิบดี

มารู้จัก Mitt Romney ผู้อาสาชิงตำแหน่งประธานาธิบดี

ประกอบ คุปรัตน์
Pracob Cooparat
E-mail: pracob@sb4af.org

ศึกษาและเรียบเรียง

Keywords: การเมือง, สหรัฐอเมริกา, วินัยทางการเงิน, อนุรักษ์นิยม

I am in favor of stem-cell research. I am not in favor of creating new human embryos through cloning. ~ Mitt Romney

ผมสนับสนุนการวิจัยที่เกี่ยวกับ Stem-cell แต่ผมไม่เห็นด้วยกับการสร้างมนุษย์จากตัวอ่อนด้วยวิธีการโคลนนิ่ง ~ มิท รอมนี (Mitt Romney)

มิท รอมนี (Willard Mitt Romney) เกิดเมื่อวันที่ 12 มีนาคม ค.ศ. 1947 เป็นนักธุรกิจ และนักการเมือง เขาเป็นผู้ว่าการรัฐแมสสาชูเสทคนที่ 70 (70th Governor of Massachusetts) ในช่วงปี ค.ศ. 2003-2007 และเป็นผู้สมัครรับการเสนอชื่อเป็นตัวแทนพรรครีพับลิกันเพื่อแข่งขันชิงตำแหน่งประธานาธิบดีในปี ค.ศ. 2012

รอมนีเป็นบุตรชายของ George W. Romney อดีตผู้ว่าการรัฐมิชิแกน และนาง Lenore Romney เขาได้รับการเลี้ยงดูที่ Bloomfield Hills, ในรัฐ Michigan และทำงานเป็นอาสาสมัครศาสนาในนิกายมอร์มอน (Mormon missionary) ในประเทศฝรั่งเศส เขาได้รับการศึกษาในระดับปริญญาตรีที่มหาวิทยาลัย Brigham Young University อันเป็นมหาวิทยาลัยหลักของพวกนับถือศาสนาคริสต์นิกายมอร์มอน และได้รับปริญญาเอกในสายประสมทางกฎหมายและมหาบัณฑิตทางการบริหารธุรกิจ หรือ MBA ซึ่งทั้งหมดเรียกว่า Juris Doctor/Master of Business Administration joint degrees ระหว่างคณะวิชาของมหาวิทยาลัยชั้นนำของประเทศ Harvard Law School และ Harvard Business School หลังจบการศึกษา เขาทำงานให้กับบริษัทที่ปรึกษาด้านธุรกิจชื่อ Bain & Company และเป็นผู้บริหารสูงสุดที่เรียกว่า CEO ในช่วงการนำบริษัทเพื่อให้ผ่านพ้นวิกฤติ

เขาเคยเป็นผู้ก่อตั้งองค์การแบ่งออกจาก Bain & Company โดยใช้ชื่อว่า Bain Capital เป็นบริษัทเพื่อการลงทุน (Private equity investment) ซึ่งได้กลายเป็นบริษัทที่มีกำไรและเป็นบริษัทที่มีขนาดใหญ่ที่สุดแห่งหนึ่งในบริษัทประเภทเดียวกัน และเงินที่ได้กำไรในส่วนดังกล่าวได้กลายเป็นเงินสนับสนุนการหาเสียงของมิท รอมนีในการเป็นตัวแทนพรรครีพับลิกันในการชิงตำแหน่งวุฒิสมาชิกจากผู้ดำรงตำแหน่งเดิมอย่าง Ted Kennedy ในปี ค.ศ. 1994 แต่ต้องพ่ายแพ้ไปในท้ายสุด รอมนีได้รับการเลือกเป็นประธานและผู้บริหารการจัดโอลิมปิคฤดูหนาวในปี ค.ศ. 2002 ที่เมืองซอลท์เลค Salt Lake Organizing Committee ในรัฐยูท่า (Utha) และทำให้วิกฤติที่อาจต้องเลิกจัด ได้กลายเป็นจัดได้อย่างดีสามารถแก้ปัญหาวิกฤติการเงินได้

รอมนีชนะการเลือกตั้งได้เป็นผู้ว่าการรัฐแมสสาชูเสทในปี ค.ศ. 2002 แต่ไม่เสนอตัวรับการเลือกตั้งในปี ค.ศ. 2006 ในระหว่างดำรงตำแหน่ง เขาได้เป็นประธานในการตัดงบประมาณที่เกินดุลย์ของรัฐไป USD3,000 ล้าน ในอีกด้านหนึ่งเขาได้จัดให้มีระบบประกันสุขภาพ Massachusetts health care reform ซึ่งให้การประกันสุขภาพใกล้เคียงกับการประกันสุขภาพอย่างถ้วนหน้า (Universal Healthcare) แห่งแรกของประเทศ ในขณะที่ดำรงตำแหน่ง ทัศนะทางการเมืองของเขาเคลื่อนจากความเป็นสายกลางไปสู่ความเป็นอนุรักษ์มากขึ้นในหลายประเด็น

รอมนีได้เคยสมัครรับการเสนอชื่อเป็นตัวแทนของพรรครีพับลิกันเพื่อชิงตำแหน่งประธานาธิบดีในปี ค.ศ. 2008 เขาชนะในหลายสนามแข่งขัน แต่ในที่สุดได้แพ้แก่ John McCain สำหรับการสมัครรับเลือกตั้งในปี ค.ศ. 2012 นักสังเกตการณ์หลายคนได้ให้เขาเป็นผู้สมัครระดับแนวหน้า

แต่ปัญหาหนึ่งของพรรครีพับลิกันของสหรัฐอเมริกาขณะเมื่อ 4 ปีก่อน และในปีค.ศ. 2012 นี้คือการถูกลากไปด้วยพลังของส่วนอนุรักษ์ขวาจัด ไม่ในด้านใดก็ด้านหนึ่ง แต่เมื่อเข้าสู่รอบการแข่งขันกับตัวแทนพรรคดีโมแครต ซึ่งมีผู้ดำรงตำแหน่งประธานาธิบดีอยู่แล้วอย่างบารัค โอบาม่า (Barack Obama) พรรครีพับลิกันกลับต้องการผู้สมัครในแนวสายกลาง เพื่อที่จะสามารถดึงดูดคนที่ยังไม่ตัดสินใจและพวกที่เริ่มเบื่อบารัค โอบาม่าที่ไม่สามารถแก้ปัญหาเศรษฐกิจได้อย่างรวดเร็ว

บารัค โอบาม่าในทัศนะของพรรครีพับลิกัน เขาเป็นพวกเสรีนิยม (Liberal) บางพวกตั้งฉายาเขาว่าเป็นพวก “สังคมนิยม” (Socialist) ซึ่งเป็นการเรียกที่แรงรองๆจากกล่าวหาว่าเป็นพวก “คอมมิวนิสต์

กลยุทธในการที่จะได้รับเลือกจากพรรครีพับลิกันคือการสามารถได้รับแรงสนับสนุนจากพวกหัวเก่า พวก Tea Party ที่เปรียบเหมือนกบถที่อยากให้อเมริกันกลับไปสู่ความเป็นอนุรักษ์ ตัดงบประมาณ ลดการขาดดุล ตัดลดการเก็บภาษี แต่แนวทางของฝ่ายขวาอย่างสุดขั้วนั้นมีโอกาสที่จะชนะบารัค โอบาม่าได้ไม่มากนัก นอกจากจะต้องได้รับเสียงสนับสนุนจากคนส่วนใหญ่ของพรรครีพับลิกัน และขณะเดียวกัน ต้องเป็นทางเลือกที่ฝ่ายเดโมแครตส่วนใหญ่ไม่ต่อต้านอย่างรุนแรงมากนัก

มิต รอมนีนับเป็นรีพับลิกันคนหนึ่งที่จะสามารถเอาชนะบารัค โอบาม่าได้ในช่วงท้าย

เขามีอายุในวัย 65 ปี ซึ่งนับว่าไม่น้อย แต่ด้วยสุขภาพที่ดีของคนในยุคปัจจุบัน อายุจึงไม่ใช่ประเด็นเสียเปรียบ แม้จะไม่ได้เปรียบ ในด้านคุณวุฒิ เขาไม่ใช่นักพูดที่ยิ่งใหญ่ เมื่อเปรียบเทียบกับโอบาม่า หรือ อดีตประธานาธิบดีอย่าง Ronald Reagan แต่เขามีประวัติการเป็นนักคิดที่ไม่ยึดติดระบบ มีทักษะในการแก้ปัญหางานในระดับบริษัทเอกชนและงานภาคสาธารณะ ในด้านการศึกษา เขาได้รับการศึกษาทั้งในแนวอนุรักษ์จากมหาวิทยาลัยที่สนับสนุนจากพวกมอร์มอน อย่าง Brigham Young University แต่ขณะเดียวกัน เขาก็ได้จบการศึกษาจากมหาวิทยาลัยที่จัดว่าดีที่สุดทางด้านกฎหมายและบริหารธูรกิจ อย่าง Harvard University สำหรับประสบการณ์บริหารภาครัฐ ประสบการณ์จากการบริหารรัฐแมสสาชูเสทด้วยการเป็นผู้ว่าราชการรัฐ ก็ย่อมจะพอพิสูจน์ได้ว่า เขาจะมีทักษะและวิสัยทัศน์ในการบริหารประเทศได้ด้วยการเคยเป็นผู้ว่าราชการรัฐอย่างแมสสาชูเสทมาแล้ว โดยเฉพาะอย่างยิ่งในยุคที่ประเทศต้องการการบริหารการเงินอย่างมีวินัย และขณะเดียวกันมีความคิดก้าวหน้าพอที่จะไม่เสียโอกาสในการส่งเสริมความแข็งแกร่งในกับประเทศเพื่อไม่ให้เสียเปรียบในระยะยาว

แต่เขาจะทำอย่างไรจึงจะสามารถฝ่าด่านแรกในช่วงการคัดตัวแทนของพรรครีพับลิกัน คือได้รับเลือกจากฝ่ายขวาจัดอย่าง Tea Party และบรรดาพลพรรคของฝ่ายขวาในรูปแบบต่างๆที่ออกมาเสนอตัวในระยะนี้

No comments:

Post a Comment