กฎข้อที่ 16 ทำตัวให้ปรากฏอย่างพอเหมาะ
(2) – ดูจากพลเอกเปรม ติณสูลานนท์
ภาพ พลเอกเปรม ติณสูลานนท์
ศึกษาและเรียบเรียงจาก “กฎการใช้อำนาจ 48 ข้อ” The 48 Laws of Power”, 1998 โดย Robert Greene and Joost Elffers.
Keywords: power48, การเมือง, politics,
การปกครอง, government, governance, Administration, การบริหาร, management, การจัดการ, power, อำนาจ, พลเอกเปรม ติณสูลานนท์
Use Absence to Increase
Respect and Honor
การไม่เห็นเสียบ้างจะเป็นการเพิ่มความเคารพและเกียรติยศ
การไม่เห็นเสียบ้างจะเป็นการเพิ่มความเคารพและเกียรติยศ
การจะทำให้คนเห็นคุณค่าของเรา ก็ต้องรู้จักไว้ตัวบ้างเป็นครั้งคราว
การทำตนให้คนเห็นมากความสำคัญก็จะตกลง
เหมือนดาราที่คนเขาเห็นในทีวีมากๆ
เขาก็จะเบื่อหรือไม่เห็นความสำคัญที่จะต้องจ่ายเงินไปดูภาพยนตร์ที่แสดง นักการเมืองที่ให้สัมภาษณ์บ่อครั้งจนเกินไป
ก็ทำให้มีโอกาสสื่อสารผิดมากตามไปด้วย
หากเราเป็นคนมีความสามารถ เราเสนอตัวทำงานให้ตลอดเวลา
รับงานแบบไม่เลือก หรือเข้าไปยุ่งในทุกเรื่อง คนจะไม่เห็นคุณค่า
แต่หากรับทำงานบ้าง และเลือกที่จะไม่รับบ้าง ส่วนที่รับงานมาแล้ว
ก็ทำอย่างดีและทุ่มเท เพื่อให้คนเขาเห็นความแตกต่างระหว่างมีหรือไม่มีเรานั้น จะทำให้คนได้เปรียบเทียบ
และกลับเห็นคุณค่าของเรา
ในอีกด้านหนึ่ง
หากทำตัวเองให้เงียบหายไปจากวงการเลย คนก็จะลืม ครั้นอยากจะกลับมาทำอะไร
ก็จะไม่มีใครรู้จักเสียแล้ว ดังนั้นจึงต้องวางระยะตัวเองกับวงการให้พอเหมาะ
ดูตัวอย่างพลเอกเปรม ติณสูลานนท์ – จากวิกิพีเดีย (ไทย)
พลเอก พลเรือเอก พลอากาศเอก เปรม ติณสูลานนท์ (26 สิงหาคม พ.ศ. 2463 — ) ปัจจุบันเป็นประธานองคมนตรีและรัฐบุรุษ ในอดีตเคยเป็นนายกรัฐมนตรีของประเทศไทยคนที่ 16 ซึ่งเป็นนายกรัฐมนตรี 3 สมัย ระหว่างปี พ.ศ. 2523 ถึงพ.ศ. 2531และเป็นนายกรัฐมนตรีตามคำเชิญของรัฐสภาที่อยู่ในตำแหน่งยาวนานที่สุด
ทั้งนี้เพราะกฎหมายไทยในสมัยนั้นไม่ได้กำหนดให้รัฐสภาต้องเลือกนายกรัฐมนตรี
จากสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร
บุคลิกส่วนตัวพลเอกเปรมเป็นคนพูดน้อย
ในขณะดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรีของประเทศไทย จะให้สัมภาษณ์แก่สื่อมวลชนน้อยมาก
จนถูกหนังสือพิมพ์ในขณะนั้นเรียกขานว่า
“เตมีย์ใบ้” และได้รับอีกฉายาหนึ่งว่านักฆ่าแห่งลุ่มน้ำเจ้าพระยา จากเหตุการณ์กบฏเมษาฮาวายและกบฏ 9 กันยา ด้วยลักษณะเฉียบขาดในการตัดสินใจ
หลังพ้นจากตำแหน่งนายกรัฐมนตรีในวันที่ 3
สิงหาคม พ.ศ. 2531 พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว
มีพระบรมราชโองการโปรดเกล้าฯ ให้พลเอกเปรม เป็นองคมนตรี ในวันที่ 23 สิงหาคม พ.ศ. 2531 จากนั้นในวันที่ 29 สิงหาคม พ.ศ. 2531 ได้รับโปรดเกล้าฯ ยกย่องให้เป็นรัฐบุรุษ
และในวันที่ 4 สิงหาคม พ.ศ. 2541 มีพระบรมราชโองการ
โปรดเกล้าฯ ให้เป็นประธานองคมนตรี
ผมเคยคุยกับเพื่อนที่เป็นนายทหาร
ได้ความเห็นว่า พลเอกเปรมแม้เกษียณอายุราชการมานานแล้ว เลิกยุ่งเกี่ยวกับการเมืองสละตำแหน่งนายกรัฐมนตรีก็นานแล้ว
แต่อิทธิพลแท้จริงของท่านก็ยังมีอยู่มาก คุณสมบัติของท่าน
ไม่ใช่ในฐานะนักพูดนักสื่อสาร แต่เป็นคนที่รับฟัง เรียนรู้ ตัดสินใจไม่เร็ว แต่เมื่อได้ตัดสินใจแล้วจะเฉียบขาด
แต่ที่สำคัญก็คือเกียรติประวัติการทำงาน ความเป็นคนซื่อตรง
ไม่แสวงหาความมั่งมีเป็นส่วนตัว พูดไม่มาก แต่เมื่อพูดแล้วคนจะฟัง นับเป็นแบบอย่างให้กับผู้นำทางทหารที่ดีในยุคต่อๆมา
แม้ปัจจุบันอายุถึง 94 ปีแล้ว
แต่ทหารก็ยังให้ความเคารพรักใครไม่เสื่อมคลาย