(Flood control in the Netherlands)
ประกอบ คุปรัตน์
Pracob Cooparat
E-mail: pracob@sb4af.org
Keywords: cw092, การบริหารน้ำ, flood control, เนเธอร์แลนด์, การควบคุมน้ำท่วม
ผมประสานงานการศึกษา แปล และเรียบเรียงข้อมูลจาก Wikipedia, the free encyclopedia เพื่อทำความเข้าใจเกี่ยวกับการควบคุมน้ำท่วม (Flood Control) ในประเทศเนเธอร์แลนด์
บทความเรื่อง “การควบคุมน้ำท่วมในเนเธอร์แลนด์” ซึ่งแปลเป็นไทย โดยเรียบเรียงจากส่วนที่ค้นได้ใน Wikipedia ในหัวเรื่อง “Flood control in the Netherlands” ทำให้เป็นภาษาไทย เพื่อให้มีการเรียนรู้และแลกเปลี่ยนกันอย่างกว้างขวาง
ความพยายามนี้เป็นส่วนหนึ่งที่เกิดจากแรงจูงใจจากน้ำท่วมในประเทศไทยช่วงเดือนตุลาคม พ.ศ. 2553 แทนที่เราจะปล่อยให้เหตุการณ์น้ำท่วมผ่านมาแล้วก็ผ่านไป แล้วการแก้ปัญหาก็จะเป็นอย่างซ้ำเดิม ไม่มีแผนป้องกัน ป้องกันอย่างผิดๆ หรือป้องกันแบบปีต่อปี เช่นจัดงบประมาณซื้อกระสอบและกรอกทรายทำเป็นแนวป้องกัน หรือการทำงานกันแบบต่างคนต่างทำ ที่ไม่ได้ประสานงานกัน
ประเทศเนเธอร์แลนด์มีประสบการณ์การป้องกันน้ำท่วมมานานนับเป็นพันปี มีทั้งที่ได้เดินมาอย่างถูกทาง และมีทั้งที่ยังเป็นปัญหาหนักที่ต้องแก้ไขต่อไป
ในการนี้ ผมใคร่อาศัยเครือข่ายผู้รู้ผ่าน “เครือข่ายสังคม” (Social Network) โดยใช้ Twitter และ Web Blog http://pracob.blogspot.com ที่มีชื่อเรียกว่า “My Words”
ภาพ หากไม่มีเขื่อนและผนังกั้นน้ำ ส่วนที่เห็นนี้จะกลายเป็นบริเวณน้ำท่วม
Without dikes, this part of the Netherlands would be flooded
แผนที่ บริเวณที่เป็นสีน้ำเงินคือบริเวณที่อยู่ระดับต่ำกว่าน้ำทะเล และเสี่ยงต่อการมีน้ำท่วม
Blue: Areas vulnerable to flooding
ในประเทศเนเธอร์แลนด์ มีคำขวัญว่า “พระเจ้าสร้างโลก แต่ดัชสร้างเนเธอร์แลนด์”
การควบคุมน้ำท่วมจัดเป็นประเด็นใหญ่สุดในประเทศเนเธอร์แลนด์ โดยพื้นที่ประมาณสองในสามของปัจจุบัน เป็นส่วนที่เสี่ยงต่อการเกิดน้ำท่วม แต่ขณะเดียวกันบริเวณดังกล่าวจัดได้ว่าเป็นที่ๆมีประชากรหนาแน่นที่สุดแห่งหนึ่งของโลก เป็นที่ๆมีแนวสันทราย (Sand dunes) และผนังกั้นน้ำ (dikes) เขื่อนและประตูป้องกันน้ำท่วม (Floodgates) ที่มนุษย์สร้างขึ้น เพื่อป้องกันคลื่นใหญ่ และน้ำทะเลหนุน เขื่อนกั้นแม่น้ำ (River dikes) มีไว้เพื่อป้องกันน้ำท่วมจากแม่น้ำสายใหญ่ คือ Rhine และ Meuse ทั้งนี้ในอดีตอาศัยกังหันลมปั้มน้ำออก เพื่อทำให้บริเวณเพาะปลูกแห้ง เพื่อให้สามารถทำการเกษตรได้ ประเทศมีคณะกรรมการป้องกันน้ำท่วม (Water control boards) ที่เป็นองค์กรรัฐบาลท้องถิ่นที่เป็นอิสระ รับผิดชอบต่อการดูแลรักษา และจัดการระบบน้ำ
| ในปัจจุบัน อุทกภัย (flood disasters) และเทคโนโลยีในยุคใหม่ ได้ทำให้เกิดโครงการก่อสร้างขนาดใหญ่ เพื่อลดอิทธิพลจากน้ำทะเลในการป้องกันน้ำท่วม |
ประะวัติศาสตร์
History
สภาพภูมิประเทศเริ่มแรกและการสร้างแนวป้องกัน
Original geography of the Netherlands and terp building
Main article: Geography of the Netherlands
ธรรมชาติบริเวณปากแม่น้ำ ทำให้มีดินตะกอนสะสมตื้นเขิน
Peat = บริเวณที่มีต้นไม้มาสะสมกันในอดีต และนานเข้ากลายเป็นถ่านหิน
เมื่อ 2000 ปีก่อน ก่อนที่จะมีมนุษย์เข้ามาแทรกแซง ปรับปรุงที่ดินให้เปลี่ยนโฉมไป เนเธอร์แลนด์มีลักษณะเป็นที่ลุ่มน้ำท่วมถึงมีตะกอนที่เป็นต้นไม้ทับถมมานาน ในบริเวณปลายแผ่นดินเป็นสันทราย (Coast dunes) ทำให้ที่ดินบริเวณดังกล่าวเป็นแหล่งตกตะกอนปากแม่น้ำ โดยไม่ละลายไปในทะเล บริเวณที่มีคนอาศัยเพาะปลูกได้ คือบริเวณทางตะวันออกและตอนใต้ และเป็นครั้งคราวที่ทะเลได้รุกเกินแนวป้องกันตามธรรมชาติเข้ามาตามชายฝั่งทะเลและแม่น้ำ ทำให้เกิดผืนที่น้ำท่วมถึงที่กว้างขวาง ที่ๆมีมนุษย์อาศัยอยู่คือที่ๆมีดินตกตะกอนที่สมบูรณ์มากกว่าที่ๆเป็นพวกซากต้นไม้เน่าเปื่อยที่กำลังจะกลายเป็นถ่านหิน (Peat) หรือบริเวณที่มีลักษณะเป็นดินทรายที่ลึกเข้าไปในแผ่นดิน และเพื่อให้มีที่ดินสำหรับอยู่อาศัยในเขตน้ำท่วม จึงได้เกิด terpen หรือ wierden คือบริเวณที่คนได้นำดินมาถมให้สูงขึ้นบริเวณที่ลุ่มน้ำ เพื่อทำให้สร้างบ้านเรือนอยู่อาศัยและประกอบอาชีพได้ ซึ่งเกิดขึ้นเมื่อราวๆ 500-700 ปีหลังคริสตกาล (AD) ช่วงดังกล่าว มีทั้งช่วงที่มาตั้งถิ่นฐาน แล้วก็ปล่อยร้างไป เนื่องด้วยน้ำทะเลขึ้นสูงเกิน แล้วก็กลับมาสร้างและพัฒนาต่อ สลับกันไป
การสร้างเขื่อนในบริเวณชายฝั่ง
Dike construction in coastal areas
Dike = แนวผนังกันคลื่น กันน้ำ หรือจะเรียกว่าเขื่อนก็ได้
ในระยะแรกๆ เนื่องจากต้องทำกินในที่ลุ่ม จึงมีการสร้างแนวดินสูง เพื่อล้อมรอบบริเวณเพาะปลูกจากน้ำท่วมเป็นระยะๆ ในราวศตวรรษที่ 9 น้ำทะเลได้เพิ่มสูงขึ้นอีก ทำให้ต้องยกระดับของเนินพักอาศัย (Terps) เพื่อให้ปลอดภัย และเมื่อมีเนินหลายๆเนินต่อกัน จึงกลายเป็นหมู่บ้าน และเชื่อมต่อกันกลายเป็นผนังกั้นน้ำแรกๆ (Dikes)
ประมาณ 1,000 ปีหลังคริสตกาล ประชาชนเพิ่มมากขึ้น จึงมีความพยายามที่จะหาที่ดินทำกินเพิ่มขึ้น เมื่อมีคนมากขึ้น ก็มีแรงงานที่จะมาระดมทำผนังกั้นน้ำกันอย่างจริงจัง และองค์การที่เป็นหัวแรงในการทำนี้คือวัดในคริสต์ศาสนา ซึ่งเป็นเจ้าของที่ดินรายใหญ่ ในปี ค.ศ. 1250 เขื่อนทั้งหมด ได้ต่อแนวกันเป็นแนวป้องกันคลื่นลมจากทะเล
ในแต่ละช่วง แต่ละขั้นตอน ก็จะมีการเคลื่อนแนวเขื่อนลึกไปในทะเล กลายเป็นแนวป้องกันหน้า และแนวป้องกันหลัง (Secondary defense) หรือเรียกว่า “Sleeper dike” คือทำหน้าที่เป็นเขื่อนป้องกันแนวสำรอง
Sleeper dike จึงอาจมีความหมายได้ว่า “เขื่อนหลับ” หรือเขื่อนที่ไม่ได้ทำหน้าที่ หรืออีกความหมายหนึ่ง คือเชื่อนที่ทำให้คนนอนตาหลับได้ เพราะไม่ต้องกังวลเหมือนต้องอยู่กับเขื่อนแนวเดียวที่ก็ยังมีความเสี่ยงต่อน้ำท่วมถึง
ภาพ หอคอย Plompe toren, ซึ่งเป็นส่วนที่ยังคงเหลืออยู่ของหมู่บ้าน ชื่อ Koudekerke
ภาพ กังหันลม (The windmills) ที่ปรากฏให้เห็นในปัจจุบันที่ Kinderdijk, ประเทศเนเธอร์แลนด์ (Netherlands)



No comments:
Post a Comment