Wednesday, November 11, 2009

สม รังสีกล่าวหาเวียดนามรุกล้ำดินแดนกัมพูขา

ภาพ เขาพระวิหาร, ติดชายแดนไทย จังหวัดศรีษะเกษ
ภาพ สีแดง จังหวัดสเว เรียง ติดกับชายแดนเวียดนาม

สม รังสีกล่าวหาเวียดนามรุกล้ำดินแดนกัมพูขา
Sam Rainsy accuses VN of violating ’91 accords
จาก The Phnom Penh Post, Friday, 06 November 2009 15:05

ในขณะที่ไทยกำลังมีปัญหาความขัดแย้งกับประเทศกัมพูชาในประเด็นพื้นที่ไม่ชัดเจนของบริเวณเขาพระวิหาร

ปราสาทพระวิหาร ในภาษาเขมร เรียกว่า ปราสาทเปรี๊ยะวิเฮียร์ สถานที่อันศักดิ์สิทธิ์ ในภาษาอังกฤษเรียกว่า Temple of Preah Vihear หรือ Temple of Phra Viharn ในภาษาฝรั่งเศสเรียกว่า Temple de Preah Vihear เป็นปราสาทหินที่อยู่บริเวณเทือกเขาพนมดงรัก หรือเทือกเขาพนมดงเร็กในภาษาเขมร (ซึ่งแปลว่า ภูเขาไม้คาน[4]) ที่ตั้งของศาสนสถานแห่งนี้รู้จักกันในนาม พนมพระวิหาร อันหมายถึง บรรพตแห่งศาสนสถานอันศักดิ์สิทธิ์[2] ในพื้นที่ทับซ้อนชายแดนไทย-กัมพูชา ระหว่างอำเภอจอมกระสานต์ จังหวัดพระวิหาร ของกัมพูชา และอำเภอกันทรลักษ์ จังหวัดศรีสะเกษ ใกล้อุทยานแห่งชาติเขาพระวิหาร

จังหวัดสเว เรียง (Svay Rieng) เป็นจังหวัดทางฝั่งตะวันออกเฉียงใต้ของกัมพูชา โดยมีเมืองหลวงของจังหวัดชื่อ สเว เรียง เช่นกัน จังหวัดสเว เรียง มีพรมแดนติดกับเวียดนาม (Vietnam) มีทางหลวงหมายเลข 1 อันเป็นเส้นทางนำไปสู่เวียดนาม

ตามแผนที่ จะมีบริเวณของจังหวัดที่ยื่นเข้าไปในเวียดนามเป็นแหลมเรียกว่า ปากนกแก้ว (Parrot’s Beak) ในภาษาเวียดนามเรียกว่า Mỏ Vẹt

ประเทศเวียดนามก็มีประเด็นความขัดแย้งกับกัมพูชาในประเด็นพื้นที่เขตแดนของจังหวัดสเวเรียง (Svay Rieng Province) เช่นกัน โดยลองติดตามอ่านรายละเอียดที่แปลมาจากรายงานโดย Meas Sokchea หนังสือพิมพ์ภาคภาษาอังกฤษ The Phnom Penh Post ฉบับวันที่ 6 พฤศจิกายน ค.ศ. 2009

ข่าวจากผู้นำพรรคฝ่ายค้าน สม รังสี (Sam Rainsy) ได้ประกาศว่า เขาจะยื่นคำร้องต่อสถาบันนานาชาติกล่าวหาประเทศเพื่อนบ้านว่าได้ทำผิดกฎหมายระหว่างประเทศ โดยรุกล้ำดินแดนของประเทศกัมพูชา

สม รังสีได้รับการกล่าวหาจากเจ้าหน้าที่ฝ่ายรัฐบาลกัมพูชาและเวียดนามว่า ได้ถอนหลักเขตประเทศ (Border Posts) ในเขตจังหวัด สเวเรียง (Svay Rieng Province) ในช่วงฉลองพิธีทางพุทธศาสนาในช่วงวันที่ 25 ตุลาคม ค.ศ. 2009 ที่ผ่านมา แต่ชาวบ้านได้กล่าวว่าทางเวียดนามได้ย้ายเขตแดนเข้ามาในประเทศกัมพูชา

ในการให้สัมภาษณ์จากทางกรุงปารีส สม รังสีได้แสดงความไม่พอใจและได้พยายามนำประเด็นนี้สู่ความสนใจของประชาคมโลก

Speaking from Paris, he said his personal act of defiance was meant to bring the alleged Vietnamese incursions to light.

เราได้รวบรวมหลักฐานและพยานที่แสดงว่าประเทศเพื่อนบ้านได้รุกล้ำดินแดนของกัมพูชา นายสม รังสีกล่าว และที่เขากล่าวถึงประเทศเพื่อนบ้าน ในที่นี้หมายถึงเวียดนาม

เขาไม่ได้กล่าวว่าองค์กรระหว่างประเทศที่เขาจะนำความขึ้นร้องเรียนนั้น คือองค์กรอะไร แต่เข่าได้ระบุว่าเวียดนามได้ฝ่าฝืนข้อตกลงสนธิสัญญาสันติภาพที่ลงนามที่กรุงปารีสในปี ค.ศ. 1991 ที่ตัวแทนของทั้งสองประเทศได้ลงนาม

ในสื่อท้องถิ่นที่รายงาน รองนายกรัฐมนตรีของเวียดนาม เหงียน ตันดุง ได้นำความเข้าสู่การพูดคุยกับรองนายกรัฐมนตรีของเวียดนาม นาย เมน สมอัน ในคราวที่พบกันในเวียดนาม และบรรยายว่าการกระทำของนายสม รังสีนี้เป็นการล้มล้างความสัมพันธ์อันดีของท้องสองประเทศ

ทางสถานฑูตเวียดนาม โฆษกตริน บาคัม ได้กล่าวในวันพฤหัสบดีที่ผ่านมาว่า นายสม รังสีสามารถยื่นคำร้องต่อองค์การระหว่างประเทศได้อย่างอิสระ แต่นั่นก็ไม่ได้พิสูจน์ว่าเวียดนามได้ปฏิบัติผิดข้อตกลงแต่อย่างใด

สิ่งที่นายสม รังสีได้ร้องเรียนนี้ เราไม่ได้ให้ความสนใจโฆษกของสถานฑุตเวียดนามกล่าว ทุกคนรู้ดีอยู่แล้ว เราไม่มีอะไรจะกล่าวมากนัก

ทัศนะต่อข่าว -

ในแต่ละประเทศที่มีพรมแดนติดกัน มักจะมีปัญหาที่ต้องสะสางเกี่ยวกับเขตพรมแดน ยิ่งมีประชากรมากขึ้น ต้องการพื้นที่ดินเพื่อทำการเกษตร หรือไม่ก็แสวงหาคุณค่าจากทรัพยากรธรรมชาติอื่นๆ ในกรณีของประเทศไทย ความชัดแย้งที่เกิดขึ้นเกี่ยวกับกรณีของมรดกทางวัฒนธรรม สถานที่ทางประวัติศาสตร์ดังกรณีเขาพระวิหาร และบริเวณชายฝั่งทะเลของทั้งสองประเทศที่มีการอ้างสิทธิทับซ้อนกัน แต่ประเด็นจะอยู่ที่ว่า เราจะหาทางแก้ปัญหาความขัดแย้งเหล่านี้ได้อย่างไร

ในทางเทคนิค การกำหนดพรมแดนไม่ใช่เรื่องยาก หากมีหลักการที่ฝ่ายเทคนิคของทั้งสองประเทศที่ขัดแย้งได้ไปศึกษา และให้ข้อเสนอแนะ พร้อมทั้งรับข้อตกลงไปจัดทำรายละเอียด ในพื้นที่สมัยใหม่ การกำหนดหลักเขตกันโดยทางข้อมูลการกำหนดจุดทางภูมิศาสตร์ (GPS) เป็นสิ่งที่กระทำได้อย่างละเอียด ชนิดผิดพลาดไม่เกิน 1 เมตร ก็สามารถกระทำได้แล้ว การจะลงทุนหาหลักเขตที่มาปักทับในบริเวณดังกล่าวแบบห่างกันสัก 100 เมตร ก็สามารถกระทำได้โดยไมยาก หรือจะมีรั้วกั้นพรมแดน ก็ไม่ใช่เรื่องยากอีก แม้จริงๆแล้วไม่จำเป็นต้องกระทำกัน

นอกจากนี้คือการกำหนดพื้นที่ๆไม่ใช่ของใคร (Nobody’s land) คือพื้นที่ระหว่างสองประเทศที่ถือเป็นพื้นที่กลาง ไม่เป็นไปเพื่อประโยชน์ใช้สอยของทั้งสองประเทศ ในกรณีที่เป็นที่ราบ และต้องไม่ปล่อยให้แต่ละฝ่ายเข้าไปทำประโยชน์ และถ้าเป็นสันเขา หรือแม่น้ำ ร่องน้ำ ก็มีหลักที่จะยึดปฏิบัติได้อยู่แล้ว

ประเด็นจึงอยู่ที่ว่า แต่ละประเทศที่จะมีความขัดแย้งกัน ต้องแสวงหาทางออกร่วมกันในแบบที่แต่ละฝ่ายจะได้ประโยชน์อย่างยุติธรรม หากมีอะไรที่ยังไม่ชัดเจน ก็นำสู่โต๊ะเจรจา โดยยึดหลักความเป็นธรรมและเป็นกลาง ไม่เอาเปรียบซึ่งกันและกัน สำหรับบุคคล หรือคณะที่ไปนั่งเจรจา ก็ต้องเป็นคนหรือบุคคลที่มีความน่าเชื่อถือ ที่จะสามารถตัดสินใจเพื่อประโยชน์ของประเทศชาติและผลประโยชน์ร่วมกันของทั้งสองฝ่ายได้อย่างไม่มีผลประโยชน์ทับซ้อน (Conflict of Interest) ในประเทศไทยเราเอง มักจะมีเรื่องคอรัปชั่น (Corruption) ของผลประโยชน์ทับซ้อน และการอยู่ใต้อิทธิพลจากฝ่ายการเมืองที่มีผลประโยชน์เบื้องหลัง

ในกรณีความขัดแย้งระหว่างเวียดนามกับกัมพูชา เราก็รับฟังไว้ได้ แต่ต้องไม่ไปยุ่งเรื่องภายในของเขา และในทางตรงกันข้าม เรื่องภายในของกัมพูชา เราก็ต้องไม่ไปยุ่งกับเขา หากมีความขัดแย้งภายในประเทศ ก็เป็นเรื่องที่เขาจะแก้ไขกันเอง และในทางกลับกัน เรื่องที่เป็นเรื่องภายในของไทยเรา เขาก็จะต้องเคารพในความเป็นไปของไทยเรา และไม่เข้ามาเกี่ยวข้องกับเรื่องภายในเหล่านั้น การเข้ายุ่ง เข้าแทรกแซงจะนำมาซึ่งเรื่องที่ขยายวง และขัดแย้งต่อไปอย่างไม่มีที่สิ้นสุด

ประกอบ คุปรัตน์
Pracob Cooparat

No comments:

Post a Comment