Friday, November 13, 2009

กับคุณทักษิณ รู้เขา รู้เรา รบร้อยครั้ง ชนะร้อยครั้ง

ประกอบ คุปรัตน์

Updated: Saturday, November 14, 2009

ว้นนี้ คุณทักษิณ ชินวัตรได้เข้ามาสร้างความปั่นป่วนแก่สังคมไทยอีกครั้ง

วิธีคิดไม่เหมือนคนอื่น

วิธีการคิดของคุณทักษิณ ชินวัตรคงไม่เหมือนกับคนอื่นๆ และนั่นเป็นเหตุที่ทำให้เขาประสบความสำเร็จและล้มเหลวอย่างที่คนทั่วไปไม่เคยประสบ เป็นคนที่มีคนรักมากส่วนหนึ่ง แต่กำลังลดลง และมีคนเกลียดเขาอย่างมากๆเพิ่มขึ้น และพร้อมที่จะลุกขึ้นมาต่อต้านเขาอย่างที่สุด

สำหรับคุณทักษิณ เขายึดเอาจะหมายปลายทางเป็นสำคัญ โดยไม่สนใจนักว่า วิธีการที่จะไปถึงปลายทางนั้นเป็นเช่นไร นักเผด็จการหลายคนคิดอย่างนี้ เมื่อเขาทำธุรกิจ เมื่อเขาทำธุรกิจ เขาจะเลือกทำธุรกิจที่เป็นสัมปทานจากรัฐ กันคนอื่นๆออกจากการแข่งขันกับเขาให้มากที่สุด ดังจะเห็นจากธุรกิจคมนาคมและการสื่อสาร โทรศัพท์มือถือ ใครแข่งขันกับเขา ก็ต้องเหนื่อยแบบหืดขึ้นคอ และท้ายสุดถอยออกไปก่อนจะดีที่สุด และเมื่อธุรกิจการสื่อสารต้องเข้าสู่ยุคแข่งขันเสรี เขาก็ถอยออกจากกิจการนั้นๆ และถอยออกมาอย่างเงียบๆ และให้ได้ค่าตอบแทนที่สูงที่สุด มากถึง 72000 ล้านบาท

การเล่นการเมืองของเขา ก็คือต้องการผูกขาด ได้จำนวนผู้แทนในมือให้ได้มากที่สุด ใครเป็นฝ่ายตรงกันข้าม หากดึงเป็นพวกได้ (Cooptation) จะด้วยวิธีการใด ก็จะทำอย่างที่สุด เพื่อให้เหลือคู่แข่งขันที่น้อยที่สุด และอ่อนแรงจนทำอะไรไม่ได้ พรรคฝ่ายตรงกันข้ามจะต้องเผชิญกับการที่กลุ่มธุรกิจไม่กล้าให้การสนับสนุน เพราะนั่นเท่ากับกลายเป็นศัตรูของเขา ไม่ใช่พวกเขา ในแนวคิดแบบระบบพรรคพวกนี้ ได้กระจาย สร้างความเดือดร้อนให้กับธุรกิจท้องถิ่น ที่มีการใช้ระบบผูกขาดในการประมูลงานของรัฐบาล คนอยู่นอกวงการก็เสียเปรียบ อันทำให้กิจการต้องล้มละลายไปได้อย่างง่ายๆ หรือไม่ก็ต้องเข้าร่วมเป็นพวก

จะชนะเขาได้อย่างไร

คำถามที่ต้องมาควบคู่กับการเอาชนะเขานั้น คือต้องตอบคำถามว่า จะชนะไปเพื่ออะไร

การจะชนะคุณทักษิณนั้น เพื่ ทำให้บ้านเมืองกลับสู่ความสงบ และมีเสถียรภาพทางการเมืองอีกครั้ง เพื่อให้พัฒนาการต่างๆ ดำเนินการไปตามวิถีทางของมัน และเมื่อจะต้องเรียนรุ้ที่จะชนะเขา ก็ต้องใช้หลัก ต้องรู้จักเขา แบบ รู้เขา รู้เรา รบร้อยครั้ง ชนะร้อยครั้ง

ทักษิณ ชินวัตร คือใคร คำตอบที่สรุปได้ คือ

เขาเป็นนักยุทธศาสตร์ (Strategist) เขาใช้การโจมตีเป็นระยะๆ เป็นระลอกๆ และในหลายๆส่วนที่ทำให้คนเห็น คนเชื่อว่าบ้านเมืองกำลังจะไปไม่รอด พวกฝ่ายนำคนเสื้อแดงเตรียมเดินขบวนใหญ่ พวกอยู่ในสภา ก็ต้องดำเนินการในสภา ค้านและต่อต้านให้แรงขึ้น พวกที่เป็นนักปล่อยข่าวลือผ่านแท๊กซี่ มอเตอร์ไซค์ พวกตลาดหุ้น ก็มีคนปล่อยข่าวแบบร่วมสมทบ พร้อมกับที่เขาเข้ามาในกัมพูชาใกล้บ้านนี้เอง ทางแก้ก็คือ เขาโจมตีเป็นระลอก ก็ต้องตั้งทีมงานเตรียมรับปัญหา และอ่านเกมส์อย่างเท่าทัน ไม่รอให้ปัญหาเกิดอย่างไมคาดคิดแล้วไปแก้ ทางแก้ก็คือ ต้องเตรียมรับแบบคิดการล่วงหน้า เรียกว่า Pro-act ไม่ใช่ React หรือเพียงตอบโต้แบบปฏิกิริยา เช่น เมื่อหลวมที่ตลาดหลักทรัพย์ ตลาดฯ กลายเป็นเครื่องมือของพวกปั่นหุ้น มีพวก Insider ใช้ข้อมูลภายในอย่างผิดๆ ก็ต้องจัดการ พวกแท๊กซี่ คนขับรถสามล้อ คนเหล่านี้เป็นพวกหาเช้ากินค่ำ ทำอย่างไรจะดูแลอาชีพของเขา ทำให้ชีวิตความเป็นอยู่ของเขาดีขึ้นอย่างถ้วนหน้า

คุณทักษิณใช้เรื่องเล็กๆ ที่ทำให้เป็นเรื่องใหญ่ๆได้ เมื่อเขาจะโจมตีใหญ่ เขาจะทำให้คู่ต่อสู้อ่อนแอลงจนที่สุด จะโจมตีระลอกแล้ว ระลอกเล่า ก็อย่าไปหลงกลเขา ทางแก้คือ ในบางเรื่อง ก็ให้ใช้ความสงบสยบความเคลื่อนไหว ไม่ตอบโต้ สิ่งที่เขาทำอยู่ขณะนี้ คือการยั่วยุให้คนไทยไปเป็นศัตรูกับคนเขมร ทางแก้ คือ เรื่องเล็ก ก็ให้อยู่เป็นเพียงเรื่องเล็ก หากกิจการใดๆที่จะมีการตอบโต้กลับ ต้องไม่ไปทำร้ายหรือทำให้คนกัมพูชาต้องเดือดร้อน เขายั่วยุทำให้เกิดอารมณ์ ก็ต้องไม่ไปโกรธ หรือตกใจตามเขา

เขาโจมตีเหมือนฝนตกเป็นห่าๆ แต่ก็จะเป็นฝนตกผิดฤดู ก็ต้องดูแลป้องกันตนเองให้ดี หากเปียกฝน ก็ให้เปียกไป เดี๋ยวฝนหาย ก็ค่อยมาตากเสื้อผ้า ทำความสะอาด สังเกตว่า เมื่อเขาจะกระทำอะไรที่จะสร้างความปั่นป่วนนั้น มักจะเป็นระยะสั้นๆ เสร็จแล้วไม่ได้ผล ก็ต้องหยุดเป็นระยะ แล้วกลับมาโจมตีใหม่ ต้องรู้จักสร้างภูมิคุ้มกัน ทำตนเองให้แข็งแรง ไม่ใช่ล้มป่วย เป็นหวัดเสีย

เขาทำตัวเป็นเด็กขึ้นทุกวัน เรียกว่าเป็นพวกเด็กอาระวาด (Temper Tantrum) เหมือนเด็กตามใจตัวเอง ไม่ได้ของเล่นดังใจ ก็นั่งลงดิ้นพราดๆแถวๆหน้าร้านของเล่น ทำให้พ่อแม่ต้องอาย ทำให้คนต้องหันมาดู หากเราจะตอบโต้ ก็คงต้องทำเหมือนพ่อแม่ที่ต้องสั่งสอนในแบบที่เขาจะไม่ต้องไปดิ้นที่ไหนๆอีก ยิ่งดิ้นมากก็ทำให้เขารู้ว่า จะไม่ได้อะไรเลย ยิ่งดิ้น ก็จะทำให้ความต้องการของเขาห่างไกลไปทุกที

เขาเป็นนักคณิตศาสตร์ คิดและติดกับตัวเลข (Mathematician) สำหรับประชาชนนั้น คนเกลียดเขาเท่าไร เขาไม่เคยได้สนใจ แต่เขานับที่คนรัก และคนที่ลงคะแนนเสียงให้เขา แท้จริงแล้ว คนที่เลือกเขานั้นไม่ใช่เสียงคนส่วนใหญ่ด้วยซ้ำ แต่ขอให้ได้เสียงมากพอที่จะเล่นเกมส์ผูกขาดในสภาฯ แต่คนที่ไม่ชอบเขานั้นมีลักษณะกระจัดกระจาย และแยกออกเป็นกลุ่ม ทางที่จะชนะเขา คือการที่คนที่ไม่ชอบเขา ได้รับผลกระทบจากอำนาจในแบบของเขา ต้องรวมตัวกันที่จะต่อต้านเขา แต่เหตุผลที่จะต่อต้านเขาคืออะไร ผมว่าสิ่งนี้แหละที่สำคัญ สำหรับคนที่จะชนะเขา ก็ต้องคิดอีกแบบ คือคิดแบบองค์รวม (Holistic) ต้องมองให้เห็นหมากรุกทั้งกระดาน อ่านเกมส์ให้ออก มองอย่างเห็นความสัมพันธ์ของสิ่งต่างๆร่วมกัน เหมือนกับนักชีววิทยา (Biologist) ที่ต้องรู้ว่าเขาทำอะไร เพื่ออะไร มีการเชื่อมโยงกันอย่างไร แล้วการจะมียุทธศาสตร์นั้น ก็ต้องมองผลระยะยาวด้วยว่า อะไรที่จะเป็นผลดีต่อส่วนรวม อย่าคิดตอบโต้กันเป็นสั้นๆ และต้องคิดว่าอะไรที่จะทำให้บ้านเมืองจะดำเนินการไปได้อย่างพัฒนาและยั่งยืน

เขาสร้างกระแสว่า เขาเป็นผู้นำและนักบริหารที่ยิงใหญ่ เขาทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงในบ้านเมืองย่างมากมาย อย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน คนเป็นอันมากที่เชื่อเขา และให้การสนับสนุนเขา โดยเฉพาะคนยากคนจนที่ยังชื่นชมกับนโยบายประชานิยม ทางแก้ คือการต้องใช้นโยบายความเป็นผู้นำในอีกแบบ คือการมีระบบนำแบบหลายส่วน (Multiple Leadership) การนำในโลกยุคใหม่ ไม่ใช่มีเพียงส่วนเดียว ในสหรัฐอเมริกา ไม่ใช่เพียงประธานาธิบดีที่จะนำ แต่เขาต้องทำงานร่วมกับรัฐสภา กับผู้ว่าการรัฐ (State Governors) กับท้องถิ่น เมืองต่างๆ นายกเทศมนตรีของเมืองต่างๆ กับผู้นำทางศาสนา ผู้นำชนกลุ่มน้อยต่างๆ การจะก้าวไปข้างหน้าได้อย่างมั่นคงนั้น เราต้องมีผู้นำที่หลากหลาย ทำงานร่วมกัน อย่างอิสระ และในขณะเดียวกัน ก็มีบางส่วนที่ต้องร่วมกัน ระบอบประชาธิปไตย คือการต้องสร้างประชาธิปไตยฐานรากที่เข้มแข็ง ไม่ใช่ยึดติดกับการนำแบบพระเอกขึ่ม้าขาว ข้ามาคนเดียว

เขาสร้างภาพให้เห็นว่าสังคมไทยเป็นสังคมปิด เขาพยายามใช้สื่อนอก เพื่อสร้างภาพให้เห็นว่าสังคมไทยนั้นกำลังเดินถอยหลัง (Backward) ทำให้เห็นว่า ทักษิณเป็นนักประชาธิปไตยที่ประชาชนรัก ชนะมาด้วยการเลือกตั้ง แต่ถูกปล้นชัยชนะ คนที่ต่อต้านเขาคือ พวกหัวโบราณที่อิจฉา พวกทหารที่ชอบปฏิวัติ พวกรอบๆตัวสถาบัน และขัดขวางเขาทุกวิถีทาง และพวกนี้มาปล้นประชาธิปไตย และปิดโอกาสเขาที่จะทำเพื่อบ้านเมืองและคนยากคนจน

ทางแก้ ก็คืออย่าไปบ้าจี้ ไล่ปิดช่องทางการสื่อสารหนักขึ้นไปอีก แต่ต้องให้การศึกษาแก่สังคมไทยที่ทำให้เปลี่ยนแปลงไปได้ในทุกด้านอย่างปฏิรูป (Reform) เราก็ต้องยอมรับว่าหลายอย่างเปลี่ยนแปลงได้ และควรเปลี่ยนแปลงไปตามกระแสโลก แต่ก็จะต้องมีวิธีการ และเป็นไปอย่างเป็นขั้นเป็นตอน เราต้องเปิดประตูรับข่าวสารให้กว้างขึ้น และกว้างขึ้น และต้องสอนให้คนไทย เยาวชนไทยมีวิจารณญาณที่จะรับฟัง รับรู้ และตัดสินใจได้เองอย่างผู้มีปัญญา สังคมไทยเป็นสังคมเปิด เราจึงเป็นผู้นำในตลาดการท่องเที่ยว แต่สังคมไทยกำลังเปลี่ยน แต่การเปลี่ยนในแบบไทยๆนั้น ตะวันตกไม่เข้าใจ ดังเช่น การคิดแบบพุทธวิถี หรือเศรษฐกิจพอเพียง (Sufficiency Economy) หรือกษัตริย์ที่ไม่ใช่เป็นเพียงสัญลักษณ์ แต่เป็นการนำอีกส่วนหนึ่งที่จะนำในเชิงจิตวิญญาณได้ สามารถเป็นเสาหลักของประชาธิปไตยไทยในยามบ้านเมืองคับขัน สิ่งเหล่านี้ไม่สามารถสื่อสารได้ง่ายและเร็ว ตะวันตกเองก็ยังไม่เข้าใจในการเคลื่อนไหวของอิสลามในอิหร่าน มาเลเซีย ปากีสถาน แต่เขาก็ต้องเรียนรู้ที่จะเข้าใจ มิฉะนั้น ก็จะไม่สามารถแก้ปัญหาสันติภาพในโลกได้อย่างจริงจัง

สังคมไทยดูเหมือนง่ายๆ แต่ความจริงคือซับซ้อน (Complicate) ย่อมไม่สามารถสื่อสารให้ตะวันตกเข้าใจได้ง่ายและเร็ว เหมือนต้มยำกุ้ง หรือมวยไทย แต่ก็นับว่าเป็นความท้าทายที่ควรจะมีการศึกษาสังคมไทย วัฒนธรรมไทย และการเมืองไทยกันอย่างจริงจัง และแลกเปลี่ยนกัน มากกว่าจะใช้นโยบายปิดกั้นการรับรู้ ซึ่งจะเป็นไปแบบหลงเข้าทางของทักษิณ

ขยายมิตร สร้างพวก

ทักษิณมีคนรักมาก แต่ก็มีคนที่ไม่ชอบเขา ทางออกคือ เสริมกำลังสำหรับคนที่ไม่ชอบเขา คือ

ข้าราชการที่ไม่ชอบให้คนมาทำลายระบบคุณธรรม การเล่นพรรคเล่นพวก คนไม่มีพวกก็ไม่มีโอกาสที่จะเติบโต เขาเลี้ยงข้าราชการบางส่วน บางเหล่า เพื่อหวังคุมเสียง คุมอำนาจที่จะทำงานให้เขา ทางแก้ก็คือ การมีนโยบายที่เป็นรูปธรรม รวดเร็วที่จะแสดงให้เห็นถึงการใส่ใจ และให้ความยุติกรรมแก่ระบบราชการ ข้าราชการอย่างถ้วนหน้า โดยไม่เลือกพรรค เลือกพวก

นักหนังสือพิมพ์ สื่อสารมวลชนที่เคยถูกเขากวาดตกเวที เพราะมีความเห็นไม่ตรงกับเขา ทำให้ไม่มีสื่อที่จะทำงาน ไม่มีช่องสัญญาณที่จะออกอากาศ ไม่มีสปอนเซอร์ที่จะสนับสนุนรายการ ทางแก้ ก็คือ การต้องมีใจกว้าง ให้โอกาสแก่สื่อแม้สื่อที่ไม่เห็นด้วย หรือเป็นฝ่ายตรงกันข้าม ตราบที่สื่อนั้นๆได้ทำหน้าที่อย่างตรงไปตรงมาตามวิชาชีพของเขา

หลักของการต้อสู้ คือทำให้ศัตรูของศัตรู ได้กลายเป็นมิตรของเรา พวกที่ยังเป็นศัตรูอยู่ ก็ต้องให้เขาอ่อนแรงลงเป็นลำดับ

แยกคนเสื้อแดงออกจากทักษิณ ทุกคนที่เป็นคนรับฟังความเห็นที่แตกต่างได้ จะพบว่ามีคนที่เห็นใจทักษิณอยู่ใกล้ๆตัว หากมีคนบอกว่าเขาโกง เขาเอาเปรียบ พวกคนเห็นใจทักษิณก็จะบอกว่า แล้วมีนักการเมืองที่ไหนที่ไม่โกง เขาโกงบ้าง แต่ทำงานเป็น กล้าคิด กล้าทำ ก็ยังดีกว่าพวกที่ดีแต่พูด แต่ในปัจจุบัน ทักษิณได้เผยตัวเองมากขึ้นเรื่อยๆ คงจะต้องมีการสื่อสารกันมากขึ้นถึงสิ่งที่เขาเป็น ความเป็นตัวตนของเขา คนที่ไม่ได้รับข้อมูลที่ถูกต้อง ก็จะต้องถอนตัวออกมา คนที่วิพากษ์สถาบันกษัตริย์ก็มี แต่เขาก็จะยังเข้าใจความจำเป็นของระบบกษัตริย์ ที่จริงกาลเวลาจะเป็นเรื่องที่ค่อยมีการเปลี่ยนแปลงไป แต่ประเด็นการคิดแบบทักษิณนี้ มีแต่จะเป็นอันตราย สร้างความแตกแยกให้เกิดขึ้น พวกที่คิดอย่างสังคมนิยมก็มี แล้วทักษิณนั้นเป็นสังคมนิยมหรือ คนที่แยกผลประโยชน์ส่วนตัวออกจากผลประโยชน์ของประเทศชาติไม่ออก อย่างนี้จะเรียกว่าสังคมนิยมหรือ

ชนะเขาไปเพื่ออะไร

ผมก็เหมือนกับคนอื่นๆ เคยต้องถามตัวเองว่า จะไปโกรธเกลียดเขาทำไม ความจริงเราก็เคยชื่นชมเขาในความเป็นคนกล้าคิด กล้าตัดสินใจ มีวิสัยทัศน์ที่จะคิดเปลี่ยนแปลง แต่สิ่งที่ผมและคนอย่างผมจะรับไม่ได้ ก็คือ การสร้างวัฒนธรรมการเมืองแบบหลงผิด หลงกับการเมืองในแบบของเขา ที่เปิดช่องให้มีการเข้ายึดครองอำนาจรัฐ การผูกขาด เอารัดเอาเปรียบในทางธุรกิจ การสร้างความร้าวฉานในทุกวงการ การเมืองในยุคใหม่ต้องการระบบเปิด การแข่งขันเสรีอย่างมีกรอบมีกติกา และให้พื้นที่ยืนสำหรับคนทุกกลุ่มเหล่า

ศาสตราจารย์ นพ. ประเวศ วะสี ได้เคยกล่าวว่า รถไฟสายประชาธิปไตยมาจอดป้ายตรงทักษิณยาวนานเกินไป มันควรจะเคลื่อนไปสู่หน้าใหม่ของประวัติศาสตร์ได้แล้ว ผู้นำใหม่ๆ วิธีการคิดใหม่ๆ ที่จะทำให้เกิดการพัฒนาอย่างยั่งยืนนั้น ยังมีอยู่ ผมเห็นเช่นนั้น เราควรเปลี่ยนบทเรียนประวัติศาสตร์ไปสู่หน้าใหม่ได้แล้ว การเปลี่ยนหน้าใหม่ของการเมืองไทย เศรษฐกิจใหม่ สังคมใหม่ การศึกษาใหม่ และสิ่งใหม่อื่นๆอีกมากมายที่รอเราศึกษาและเลือกดำเนิน ไม่ใช่อยู่ที่หน้า เอาทักษิณ ไม่เอาทักษิณ กันอย่างเอาเป็นเอาตายอย่างที่เป็นอยู่

No comments:

Post a Comment