Monday, November 23, 2009

iPhone ค.ศ. 2007

ภาพ iPhone ที่ออกมา 3 รุ่นแล้ว

ประกอบ คุปรัตน์
ศึกษาและเรียบเรียง

Keywords: เทคโนโลยี, IT, ICT, iPhone

ไอโฟน เขียนว่า iPhone โดยเขาเขียนด้วยตัว ไอแบบเล็ก แล้วตามด้วยตัวพีใหญ่ ผมเห็นว่าการพิมพ์อย่างทับศัพท์ คือใช้ภาษาอังกฤษเขียน และนำเสนอเหมือนเป็นแบบสองภาษา คือทั้งไทยและอังกฤษ จะสื่อสารได้ง่ายกว่า

ผมจะขออาสาแปลความจากคำจำกัดความที่เขียนไว้ใน Wikipedia เพื่อให้คนที่ไม่ได้อยู่ในวงการเทคโนโลยีสารสนเทศมากนักได้เข้าใจ

iPhone เป็นระบบสื่อสารผ่านอินเตอร์เน็ต (Internet) เป็นสื่อประสม (multimedia) ที่สามารถใช้เป็นโทรศัพท์ได้อย่างฉลาด (smartphone) ใช้ได้อย่างง่ายๆ ออกแบบและพัฒนาโดยบริษัท Apple Inc. นอกจากนี้ iPhone ยังทำหน้าที่เป็นกล้องถ่ายรูปและกล้องวีดิโอที่ติดมากับโทรศัพท์มือถือ (camera phone) สามารถส่งสารที่เป็นตัวหนังสือผ่านโทรศัพท์ (text messaging) ส่งข่าวสารที่เป็นทั้งภาพ และภาพเคลื่อนไหวและเสียง (visual voicemail) เป็นเครื่องเล่นสื่อประสมที่ทำงานเหมือนกับ iPod ตอบสนองต่อลูกค้าที่ใช้อินเตอร์เน็ต ที่ใช้ ไปรสณีย์อิเลคโทรนิกส์ (email), ระบบการค้นหาข้อมูลข่าวสารในระบบอินเตอร์เน็ต ( web browsing), และการใช้ระบบสื่อสารผ่านระบบเครือข่ายไร้สายที่มีความเร็วสูงได้ (Wi-Fi) iPhone ออกแบบโดยเลือกระบบสัมผัสหน้าจอ ที่ทำหน้าที่เป็นแป้นพิมพ์เสมือน (virtual keyboard) iPhone ได้เปิดตัวในปี ค.ศ. 2007 และ Time Magazine ได้ยกย่องให้เป็นสิ่งประดิษฐเยี่ยมยอดของปี ค.ศ. 2007 นั้น

ผมเป็นคนใช้คอมพิวเตอร์อย่างมากๆในแต่ละสัปดาห์ โดยใช้เป็นเครื่องคอมพิวเตอร์ตั้งโต๊ะ (Desktop computer) และระยะหลังใช้เป็นเครื่องแบบกระเป๋าหิ้ว (Laptop) เพราะต้องเดินทางไปสอนหนังสือต่างจังหวัดบ่อยๆ ผมไม่เคยคิดใช้เครื่องสื่อสารอย่างที่เขาเรียกว่า PDA หรือจะเรียกว่า Palmtop computer หรือคอมพิวเตอร์ขนาดพกใส่กระเป๋าเสื้อหรือกางเกงได้ เพราะเครื่องเหล่านี้ราคาไม่ถูกไปกว่าเครื่องคอมพิวเตอร์แบบกระเป๋าหิ้วนัก เพราะของขนาดเล็กๆที่พยายามทำให้สามารถทำงานได้เหมือนของใหญ่ๆนั้น ราคามักจะแพง แต่ iPhone นี้ ผมได้มาด้วยเป็นของขวัญจากลูกสาว เขาซื้อให้แม่และพ่อคนละเครื่อง ก็ต้องบอกตามตรงว่า หากไม่มีใครซื้อให้เป็นของขวัญ สงสัยคงจะไม่ซื้อใช้ เพราะผมเป็นคนเลือกใช้ของใดแล้ว ก็ต้องใช้ให้คุ้ม ปกติมีเครื่องคอมพิวเตอร์ตั้งโต๊ะ 1 เครื่องก็นับว่าพอสมควรแล้ว และใช้ต่อเนื่องกันมานับได้ 4-5 ปี ก็ยังใช้ได้ดีอยู่ มีการ Upgrade ไปสองสามครั้ง ส่วนเครื่องกระเป๋าหิ้วนั้น ก็ใช้แบบนาน 4-5 ปีเช่นเดียวกัน และอีกส่วนหนึ่งคือเขายกเครื่องที่เขาใช้แล้ว แต่ยังใหม่อยู่ให้เราใช้ เราก็นำไป Upgrade แล้วก็ใช้ต่อมาเรื่อยๆ

เมื่อใช้ iPhone นั้น ผมต้องบอกใช้บริการโทรศัพท์มือถือแบบไม่จำกัดชั่วโมง คือแบบ 24 ชั่วโมงต่อวัน และ ทุกวันของเดือน โดยเสียค่าบริการประมาณ 1,000 บาท แถมบอกรับอินเตอร์เน็ตแบบใช้ AirCard อีก 50 ชั่วโมง เสียเงินเพิ่มเพราะต้องมี SIM แยกจาก iPhone ที่ดูจะถอด Sim ออกยาก และกลัวว่าถอดเข้าถอดออกบ่อยๆจะทำให้เสียเร็ว รวมค่าโทรศัพท์และการสื่อสารแบบ iPhone นี้ แล้วเสียค่าใช้จ่ายประมาณ 1800 บาท ผมเองต้องไปลดค่าใช้จ่ายด้านซื้อหนังสือ สิ่งพิมพ์ต่างๆลง หนังสือพิมพ์ที่เคยซื้อทุกเช้าหลายฉบับ ก็แทบไม่ได้ซื้อ เพราะตอนเช้าก็เปิดทีวีดูข่าวไป อาบน้ำหรือทำธุรกิจอื่นๆไป เสพข่าวเพียงพอแล้ว

ผมเลิกใช้สมุดนัดหมายที่ผมใช้แบบกระดาษติดต่อกันมาหลายสิบปี ไม่ใช่เพื่อประหบัดเงินหรอก แต่การเขียนสมุดบันทึกที่เป็นแบบกระดาษนั้น ผมีปัญหาด้านลืมสมุดหนัดหมายบ่อยๆ เลยพยายามเปลี่ยนนิสัยมาใช้เป็น iPhone ซึ่งผมจะพกติดตัวไปได้ตลอดเวลา ซึ่งผมยอมใช้ซองใส่แบบประหยัด ซื้อตามร้านขายแบบพันธุ์ทิพย์ ราคาเพียง 150 บาท มิฉะนั้นคิดว่าคงวางลืมไว้ที่นั่นที่นี่แล้วก็จะทำของหายได้ง่ายๆ ซึ่งก็นับว่าได้ผล ตอนแรกพกเครื่อง iPhone แบบหนีบติดกับเข้มขัดนั้น ดูจะหนักกว่าโทรศัพท์มือถือสักเล็กน้อย แต่สักระยะ ก็พอจะคุ้นเคยและไม่เป็นปัญหา

ผมเลิกพกสมุดจดงานที่เรียกว่า Nod Pad แล้วมาใช้การบันทึกใน iPhone แทน รู้สึกว่าพอทดแทนกันได้ แม้จะรู้สึกว่าไม่คล่องตัวนัก แต่หากใช้สองอย่างร่วมกัน คือเป็นทั้งกระดาษและเป็น Digital แล้วจะยิ่งทำให้สับสน ไม่รู้ว่าท้ายสุดได้บันทึกเอาไว้ที่ไหน ในการเชียนบันทึกและรวมถึงการสื่อสารผ่าน SMS หรือการส่งข้อความผ่านโทรศัพท์มือถือนั้น ผมเลือกใช้เพียงภาษาเดียว คือภาษาอังกฤษ เพราะแม้เขามี Keyboard เสมือนให้ใช้แบบเป็นสองภาษาได้ แต่ผมเลือกใช้ภาษาเดียวคือภาษาอังกฤษ เพราะใช้พิมพ์ภาษาไทยแบบไม่มีแป้นพิมพ์จริง (Virtual Keyboards) นั้น ไม่ค่อยถนัด เพราะมันต้องสลับไปสลับมา นิ้วเราก็ใหญ่ งุ่มง่าม เวลาสัมผัสหน้าจอ ก็มีโอกาสผิดพลาดได้บ้างอยู่แล้ว

เมื่อเริ่มใช้ SMS หรือ Short Message Sending นั้น ผมรู้สึกว่าสะดวกกว่าโทรศัพท์มือถือทั่วไป ที่ผมไม่เคยส่งสารได้เลย เพราะ Keyboard ที่อยู่หน้าเครื่องโทรศัพท์มือถือนั้นไม่สะดวกสำหรับผม

การบันทึก Telephone Address หรือการบันทึกหมายเลขโทรศัพท์ใน iPhone นั้นนับว่าสะดวกกว่าที่ใช้โทรศัพฺท์เดิมมาก เพราะมีให้เลือกแป้นพิมพ์ได้เหมือนกับแป้นในคอมพิวเตอร์ แต่กระนั้น ผมก็จะเลือกใช้ภาษาเดียว คือภาษาอังกฤษ

การใช้ E-mailing ด้วยระบบ iPhone นั้นผมใช้เป็นแล้ว แต่ก็จะเลือกใช้ผ่านเครื่อง Laptop เป็นหลัก เพราะเวลาพิมพ์งานที่จะสื่อสารจะง่ายกว่า

การใช้กล้องถ่ายภาพด้วย iPhone นั้น ผมได้ลองใช้แล้ว คิดว่าเป็นการใช้แบบแก้ขัด คือถ่ายได้ชัดพอสมควร แต่เครื่องรุ่นของผมนั้น ไม่มีระบบ Focus หรือ Zoom เข้าหรือออกถ่ายภาพได้ดีพอสมควร แต่ไม่เท่ากับกล้อง Camera ที่ใช้งานเฉพาะ แต่มีข้อดีคือ ผมจะไม่ได้พกกล้องไปในทุกที่ แต่กล้องที่มีใน iPhone นั้น บางทีเห็นอะไรแล้วอยากบันทึกภาพไว้ ก็กระทำได้ทันที่ เพราะพกติดตัวไปตลอดเวลา

เครื่อง iPhone ราคาตกประมาณ 28,000 บาท นับว่าไม่ถูกนัก หากใครจะซื้อใช้ ก็ควรจะวางแผนการใช้งานให้คุ้มค่า ผมต้องใช้เครื่องมือสื่อสารนี้ให้คุ้ม เพราะใช้ทุกวันเป็นเวลา 250 วัน แล้วเครื่องเสีย หรือเครื่องหาย ก็จะตกค่าใช้วันละ 100 บาท หากใช้ได้ 2 ปี หรือประมาณ 700 วัน ก็ตกวันละ 33 บาท นับว่าคุ้มพอใช้ได้

ที่ผมพูดอย่างนี้ เพราะคนรุ่นใหม่โดยทั่วไป เขาใช้เครื่องมือสื่อสารกันแบบอายุไม่ค่อยจะยืน ใช้แล้วอยากได้ของใหม่อยู่ตลอดเวลา จึงทำให้มีอายุการใช้งานเพียงประมาณ 6-8 เดือนก็ไปเปลี่ยนไปแลกเอาของใหม่กว่ามาใช้อีกแล้ว สำหรับเราคนรุ่นเก่า หากจะใช้อะไรแล้วใช้ไม่คุ้มก็จะรู้สึกไม่ค่อยสบายใจ อึดอัด

No comments:

Post a Comment