ประกอบ คุปรัตน์
Pracob Cooparat
มูลนิธิก้าวไกลในเอเซีย
SpringBoard For Asia Foundation (SB4AF)
ห้อง 2 -106 (อาคาร 2 ชั้น 1) เลขที่ 2/1
ถ.พญาไท เขตราชเทวี กรุงเทพฯ 10400
โทรศัพท์. 0-2354-8254-5
โทรสาร 0-2354-8316
Website: www.sb4af.org
E-mail: pracob@sb4af.org
Keywords: ประวัติศาสตร์สหรัฐอเมริกา
สงครามโลกครั้งที่ 1 (World War I)
ในช่วงหลังสงครามโลกครั้งที่ 1 สหรัฐได้ให้ความสนใจในเรื่องสันติภาพของโลก โดยได้แสดงออกในการประชุมที่กรุงเฮิร์ก Haque (Haque Conference) และเมื่อสงครามโลกครั้งที่หนึ่งได้เกิดขึ้น วิลสันได้พยายามทำให้สหรัฐอเมริกาเป็นกลาง ในปี ค.ศ. 1916 เขาได้รับเลือกให้เป็นประธานาธิบดีอีกครั้งด้วยนโยบายสร้างสันติภาพ แต่อเมริกันขณะนั้นได้มีจิตใจที่จะเข้ากับฝ่ายสัมพันธมิตร โดยเฉพาะอย่างยิ่งกับฝ่ายอังกฤษและฝรั่งเศส ทั้งๆที่ทั้งอังกฤษและเยอรมันต่างก็มีส่วนละเมิดสิทธิในน่านน้ำในฐานะประเทศเป็นกลาง เรือดำน้ำเยอรมันโจมตีครั้งสำคัญในวันที่ 6 เมษายน ค.ศ. 1917 สหรัฐจึงได้เข้าสู่สงครามโดยร่วมกับฝ่ายสัมพันธมิตร (Allies) และได้มีส่วนสำคัญในการสนับสนุนด้านกำลังทัพและกำลังบำรุงจนนำไปสู่ชัยชนะของฝ่ายสัมพันธมิตร ประธานาธิบดีวิลสันได้เสนอหลักประกันสันติภาพ 14 ข้อ ซึ่งถูกใจฝ่ายยุโรปและได้ทำให้เยอรมันยอมหย่าศึก อย่างไรก็ตามในการประชุมสันติภาพหลังสงครามทีกรุงปารีส วิลสันได้ถูกกีดกันจากการดำเนินการตามหลักประกัน 14 ข้อของเขานี้
ในสหรัฐอเมริกา มีกลุ่มที่ไม่ต้องการเข้าร่วมในกิจกรรมของกลุ่มผู้นำชาติต่างๆ Leaque of Nations ซึ่งในระยะต่อมาก็คือการเกิดสหประชาชาติ (The United Nations) ในการประชุมและเกิดสนธิสัญญาแวซาย (Treaty of Versailles) วุฒิสมาชิก William Borah และฝ่ายไม่ต้องการประนีประนอม อันเป็นพวกจากวุฒิสมาชิกพรรค Republican นำโดย Henry Cabot Lodge ได้เสนอที่จะแก้ไขเพื่อคงความเป็นอธิปไตยของสหรัฐ แต่วิลสันได้ต่อสู้ที่จะให้คงแนวทางตามร่างเดิมที่เขาเสนอ ซึ่งก็ได้รับการปฏิเสธ ซึ่งทำให้ฝ่ายที่ไม่ต้องการเข้ายุ่งเกี่ยวในกิจการนอกประเทศ (Isolationist) ได้รับชัยชนะ ข้อตกลงเพื่อสันติภาพที่ถาวรจึงไม่เป็นรูปเป็นร่าง ฝ่ายสัมพันธมิตรในยุโรปเอง ก็ต้องการเรียกร้องจากฝ่ายแพ้สงครามจนนำไปสู่ความบาดหมางต่อไป ในขณะนั้นสหรัฐได้มีบทบาทในการประชุมด้านนาวี (The Naval Conferences) เพื่อการลดอาวุธและการสร้างกลุ่มที่เรียกว่า Kellogg-Briand Pact ซึ่งทำให้การทำสงครามเป็นสิ่งผิดกฎหมาย การที่สหรัฐไม่ได้ให้ความสนใจในกิจการระหว่างประเทศแสดงออกให้เห็นอย่างชัดเจนในเรื่องการปกป้องผลประโยชน์ของประเทศ และการเรียกร้องหนี้สินสงครามจากประเทศผู้แพ้ ดังในข้อเขียนในนิติบัญญัติ Hawley-Smoot Tariff Act
Sunday, April 5, 2009
Subscribe to:
Post Comments (Atom)
No comments:
Post a Comment