Tuesday, April 21, 2009

โรงเรียนแม่ศรีเรือน BBC America

โรงเรียนแม่ศรีเรือน BBC America
ประกอบ คุปรัตน์
เรียบเรียง
E-Mail: pracob@sb4af.org


Keywords: เศรษฐกิจพอเพียง, สุขอนามัย, คหกรรมศาสตร์
How Clean Is Your House?, BBC, America ดูได้จาก http://www.bbcamerica.com/content/100/index.jsp

โรงเรียนแม่ศรีเรือน
BBC America

ภาพ Kim Woodburn และ Aggie MacKenzie

Kim Woodburn และ Aggie MacKenzie, เป็นผู้เชี่ยวชาญด้านสุขอนามย (hygiene experts) ที่ดำเนินรายการหนึ่งที่ไม่มีลักษณะนี้ในประเทศไทย คือ รายการที่ผมอยากเรียกเป็นภาษาไทยว่า “โรงเรียนแม่ศรีเรือน” รายการของเธอทั้งสองมีชื่อว่า How Clean Is Your House? นำเสนอในโทรทัศน์ข่อง BBC America


รายการมีการเดินเรื่องง่ายๆที่จะพาไปชมบ้านที่สกปรกที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้ แล้วก็พบกับเจ้าของบ้าน หลังจากนั้นมีการวางแผนปรับปรุงบ้านให้สะอาดถูกสุขอนามัย การใช้เครื่องไม้เครื่องมือที่จะทำความสะอาด รายการจะเดินเรื่องไปเริ่มจากชี้ให้เห็นความสกปรก แหล่งเชื้อโรค แมลงนานาชนิดที่เข้ามาร่วมอาศัยกับคน การชี้แจงให้เจ้าของบ้าน สมาขิกในครอบครัวได้เข้ามาร่วมกันทำความสะอาด


รายการจะนำเสนอให้เห็นบ้านที่เคยสกปรก แล้วกลับมาสะอาดสดใส น่าอยู่ เป็นเรื่องที่เหมือน Happy Ending คือเจ้าของบ้านได้เห็นบ้านเรือนของตนสะอาดถูกสุขอนามัย ขยะถูกกำจัดออกไปจากบ้าน สมาชิก ในบ้านพอใจและขอบคุณสำหรับการเข้ามาช่วยแนะนำ และทำให้บ้านเขาน่าอยู่ได้อีก และแล้ว สัก 2-4 สัปดาห์ เขาก็จะกลับไปเยี่ยม และดูว่าสุขนิสัยนี้ได้เปลี่ยนไปอย่างถาวรยืนนานหรือไม่


รายการนี้นำเสนอในอเมริกา และประสบความสำเร็จอย่างมาก เพราะในอเมริกาเองก็มีปัญหาที่บ้านเรือนของคนอเมริกันนั้นก็สกปรกได้ โดยไม่มีใครเข้าไปจัดการ เพราะในวัฒนธรรมของเขาคือ “ความเป็นส่วนตัว” (Privacy) และความเป็นสังคมแบบเอกกัตบุคคล หรือ Individualism กล่าวคือหากเขาไม่ได้เขิญใครไปบ้านเขา เขาก็สามารถอยู่กันอย่างสกปรกได้ โดยไม่มีใครเข้าไปแทรกแซง



รูปแบบนำเสนอ

ภาพ ห้องครัวที่สกปรก กินกันแล้วไม่ทำความสะอาดจานชาม

รายการของเขามีทั้งที่เป็น ชมได้เต็มตาผ่านทางโทรทัศน์ (Full Schedule), แบบเรียกชมผ่านเครือข่ายอินเตอร์เน็ต (On Demand), และ รายการที่กำหนดจะนำเสนอต่อไป (Coming Soon)


นอกจากนำเสนอแบบผ่านทางโทรทัศน์และอินเตอร์เน็ตแล้ว เขายังจัดทำชุมชน (Community) คนสนใจในเรื่องความสะอาดในบ้านเรือน


มีการให้สมาชิกผู้สนใจเข้ามาร่วมกิจกรรมที่สามารถนำเสนอได้ทั้งที่เป็นแบบเขียนจดหมายตอบโต้กัน (Text), สามารถนำเสนอภาพ, ภาพเคลื่อนไหว หรือวีดิโอ โดยผ่านระบบอินเตอร์เน็ตที่เรียกว่า Blog ตลอดจนมีเกมส์ (Games) สำหรับผู้ติดตามรายการจะได้เข้าไปร่วมสนุก ทำให้มีกิจกรรมแบบมีปฏิสัมพันธ์ (Interactive)


สุขอนามัยที่จำเป็น


เรื่องความสะอาดในบ้านเรือนนั้นไม่ใช่การดัดจริตของคนมีสถานะ ที่ต้องแสดงความสะอาดของบ้านเรือนเขา ไว้แสดงเวลามีคนมาเยี่ยม แต่เป็นเรื่องที่เป็นความจำเป็นในสังคมมนุษย์ที่ต้องอยู่ร่วมกันอย่างมีสุขอนามัย เพราะมันเป็นแหล่งเพาะเชื้อที่มีผลไม่ใช่เพียงต่อตัวผู้อยู่อาศัย แต่รวมไปถึงสภาพของชุมชนด้วย ดังตัวอย่าง


ห้องครัวที่สกปรก ตู้เย็นที่เก็บของเกินอายุ เก็บมากเกินต้องการ เก็บนานเกินจำเป็น และห้องน้ำ ส้วมที่ไม่รักษาความสะอาดนำมาซึ่งโรคทางเดินอาหาร และบางส่วนนำมาซึ่งโรคท้องร่วง อาหารเป็นพิษ ตับอักเสบ ที่บั่นทอนสุขภาพทั้งระยะสั้นและระยะยาว


ห้องนอน ห้องนั่งเล่นที่สกปรก มีฝุ่น มีแมลงหลากหลายชนิด แมลงสาป ไรที่นอน หรือแม้แต่เห็บ เหาจากสัตว์เลี้ยง เช่น สุนัช หรือแมว นำมาซึ่งโรคภูมแพ้ในเด็กๆ และสมาชิกในบ้าน


ทำไมบ้านจึงสกปรก


บ้านที่สกปรกนั้น ไม่ใช่เกิดเพราะความยากจน หรือไร้การศึกษาเท่านั้น บางทีมันเกิดจากในสังคมเล็กๆนั้นไม่มีระบบการจัดการ มีแม่บ้านที่ไม่ใส่ใจในสภาวะภายในบ้านของตนเอง วุ่นวายกับการหารายได้เลี้ยงครอบครัวไปวันๆ มีลูกแต่ไม่มีเวลาสอนเขา อยู่ๆกันไป

ลูกยิ่งหลายคนยิ่งเกี่ยงกันไม่ทำงาน ไม่รับผิดชอบ เมื่อเขาออกนอกบ้าน เขาแต่งตัวสะอาดสวยงามได้ เพราะมีสังคมเป็นตัวกำกับ แต่เมื่อยู่ที่บ้าน หากไม่มีใครมีอำนาจหรือใส่ใจที่จะกำกับ หรือไม่มีการสั่งสอน มอบหมาย และแบ่งหน้าที่กัน เด็กๆก็จะเกี่ยงกันไม่ทำความสะอาด


หนุ่มสาวที่ต้องอยู่บ้านหรือห้องพักร่วมกันหลายๆคน แล้วเกี่ยงกันเรื่องทำความสะอาด ตั้งแต่ห้องน้ำ ห้องครัว ห้องนอน การซักเสื้อผ้า ทำความสะอาดในสิ่งที่ต้องทำร่วมกัน บางทีเขามีเรี่ยวแรง แต่เกิดการเกี่ยงกัน และไม่นำปัญหาเล็กๆน้อยๆนี้มาพูดกัน ตกลงกัน ต่างคนต่างอยู่ ทนกันไป เพราะใครทำก็จะกลายเป็นคนถูกเอาเปรียบ


อีกปัญหาหนึ่งที่เกิดขึ้นคือ คนสูงอายุ มีความไม่สมบูรณ์ของร่างกาย อ้วนเกิน (Obesity) อยู่คนเดียวไม่มีใครมาดูแล มาแนะนำ ดังนี้บางที่ความสกปรกอย่างที่คาดไม่ถึงก็เกิดได้ และกลับเป็นแหล่งบั่นทอนสุขภาพของผู้คน คนสูงอายุยิ่งมีโอกาสเป็นโรคภูมิแพ้ได้ง่ายอยู่แล้ว ยิ่งปล่อยละเลย ไม่ใส่ใจ ต่างคนต่างอยู่ ชีวิตผู้คนก็ยิ่งจะแย่หนักขึ้นไปอีก


สำหรับประเทศไทยของเรา


มีรายการในช่องเจ็ดสี ที่พาไปเยี่ยมบ้านคนผู้อาภัพ ยากจนทั้งหลาย แต่ความจริงแล้ว ในสังคมยุคใหม่ที่เป็นแบบตัวใครตัวมันนั้น บ้านเรือนสกปรกดังนรกนั้นเกิดขึ้นได้มาก เพราะไม่มีคนไปช่วยดูแล ไม่เชื่อลองหาทางสอดแนมไปดูตามหอพัก คอนโดมีเนียม อพาร์ตเมนต์ของคนหนุ่มสาวในเมืองที่ไม่ค่อยมีเวลาจัดการกับชีวิตที่บ้านของตน


ตามบ้านทั้งในเมืองและชนบทที่มีผู้สูงอายุที่ต้องอยู่อย่างตามลำพัง ลูกๆไปทำงานในเมืองกันหมด เหล่านี้ สภาพบ้านเรือนอาจกลายสภาพเป็นสถานที่ไม่น่าอยู่ได้มากด้วยการเก็บของมากมายที่ไม่ควรต้องเก็บ ข้าวของเครื่องใช้ในครัวเรือนไม่ได้มีการล้างทำความสะอาดอย่างเหมาะสม ที่หลับที่นอนไม่มีคนไปทำความสะอาด กำจัดฝุ่นตากแดด เพราะอายุมากขึ้น ร่างกายอ่อนล้าลง ไม่มีแรงจะทำกิจกรรมบางอย่างได้
กระทรวงสาธารณสุขน่าจะคิดถึงการรณรงค์สร้างงานแบบใหม่ง่ายๆ การทำให้มีอาสาสมัครไปช่วยกันดูและกำกับให้บ้านเรือนสะอาด ร้านอาหารน่าใช้บริการ

สำหรับสถาบันการศึกษา ไม่จำเป็นต้องสอนคนที่จะให้รับปริญญาเสมอไป สอนเขาให้เป็นผู้นำ หรือผู้รับผิดชอบด้านสุขอนามัยในชุมชนและครอบครัว ก็นับว่าสร้างงานที่มีผลดี ส่งเสริมคุณภาพชีวิตประชาชนได้โดยตรงและโดยอ้อมแล้ว


สำหรับยุคที่คนตกงาน ไม่มีอะไรทำนี้ สถาบันอุดมศึกษาน่าจะหาทางจัดรายการฝึกอบรมคนให้เป็นแม่ศรีเรือน ทำบ้านเรือนให้สะอาด ถูกสุขลักษณะ ทั้งนี้โดยอาจทำการฝึกอบรม อาสาสมัครสาธารณสุขที่มีอยู่นับหลายแสนคน ช่วยยกระดับเขาให้เป็นผู้นำในชุมชน สร้างมาตรฐานใหม่ในการดำรงชีวิตที่ไม่จำเป็นต้องวัดกันด้วย GDP หรือมาตรฐานรายได้ประชาชาติเพียงอย่างเดียว

No comments:

Post a Comment