Sunday, April 5, 2009

บทที่ 17 สหรัฐอเมริกา ช่วงบุชผู้พ่อ คลินตันและ บุชผู้ลูก

ประกอบ คุปรัตน์
Pracob Cooparat
มูลนิธิก้าวไกลในเอเซีย
SpringBoard For Asia Foundation (SB4AF)
ห้อง 2 -106 (อาคาร 2 ชั้น 1) เลขที่ 2/1
ถ.พญาไท เขตราชเทวี กรุงเทพฯ 10400
โทรศัพท์. 0-2354-8254-5
โทรสาร 0-2354-8316
Website: www.sb4af.org
E-mail: pracob@sb4af.org

Keywords: ประวัติศาสตร์สหรัฐอเมริกา

ช่วงบุชผู้พ่อ คลินตันและ บุชผู้ลูก
(Bush, Clinton, and Bush)

เรแกนได้มีรองประธานาธิบดีชื่อ George H. W. Bush ซึ่งได้เข้าแข่งขันรับการแข่งขันชิงตำแหน่งประธานาธิบดีในนามตัวแทนพรรครีพับลิกัน ในการเลือกตั้งปี ค.ศ. 1988 การหาเสียงเลือกตั้งเป็นลักษณะที่คนไปเลือกตั้งน้อย และคนไม่พอใจต่อผู้สมัครของทั้ง 2 พรรค การหาเสียงเป็นในเชิงลบ มีการสาดโคลนต่อกันต่อมา ตัวแทนฝ่ายพรรคดีโมแครต ซึ่งเป็นผู้ว่าการรัฐแมสาชูเสทส์ ชื่อว่า Michael Dukakis ซึ่งต้องเสียการนำในการหาเสียงและท้ายสุดพ่ายแพ้ไป ประธานาธิบดีบุชใช้นโยบายการต่างประเทศในลักษณะเดียวกับเรแกน

ในปี ค.ศ. 1989 หลังจากการก่อการขบถที่หนุนหลังโดยสหรัฐในประเทศปานามาเพื่อโค่นล้มประธานาธิบดี Manuel Noriega ประสบความล้มเหลว บุชได้สั่งทหารบุกปานามา และได้จับตัวประธานาธิบดีและส่งไปคุมขังในเมืองไมอามี รัฐฟลอริดา (Miami, Florida) เพื่อขึ้นศาลในข้อหาค้ายาเสพติด

สงครามอ่าวเปอร์เซีย

การสงครามครั้งสำคัญในสมัยบุช คือการรบในสงครามที่เรียกว่า “สงครามอ่าวเปอร์เชีย” (Persian Gulf War)

โดยในวันที่ 2 สิงหาคม ค.ศ. 1990 ประธานาธิบดีบุชได้ประกาศสงครามกับอิรัคที่ได้ส่งทหารเข้ายึดครองคูเวตก่อนหน้านั้น และทำการรบที่เรียกว่า “ปฏิบัติการโล่ทะเลทราย” (Operation Desert Shield) ซึ่งการรบได้รวมถึงการปิดล้อมทางอากาศ การส่งกำลังทหารไปรวมพลในทะเลทรายเสริมกำลังในประเทศซาอุดิอาเรเบีย ในเดือนพฤศจิกายน สหประชาชาติได้ให้การรับรองสหรัฐในการใช้มาตรการที่จำเป็นในการผลักดันทหารอิรัคออกจากคูเวต และได้กำหนดเส้นตายในวันที่ 15 มกราคม ค.ศ. 1991 และก่อนหน้านั้นเล็กน้อย รัฐสภาของสหรัฐได้ลงมติด้วยเสียงชนะเพียงเล็กน้อยให้ไปทำสงครามนอกประเทศเพื่อขับล่าอิรัคจากคูเวตได้

ในการสงครามครั้งนี้ สหรัฐได้ใช้กำลังคนกว่า 500,000 คน รถถังนับพันคัน เครื่องบิน และเรือบันทุกเครื่องบินและกองทหารไปยังบริเวณอ่าว กองกำลังผสมที่นำโดยสหรัฐได้ใช้การโจมตีทางอากาศ ซึ่งอาวุธในยุคใหม่ได้เปลี่ยนไปเป็นการมีระบบควบคุมขีปนาวุธที่แม่นยำด้วยคอมพิวเตอร์และระบบ GIS การบุกได้ใช้เวลา 100 ชั่วโมงที่จะยึดคูเวตคืน และอิรัคได้พ่ายแพ้ ถอนทหารกลับไป และทางบุชได้ประกาศยุติสงคราม

ชนะสงครามสู่ปัญหาเศรษฐกิจ

ในด้านสงคราม สหรัฐได้รับชัยชนะอย่างราบคาบ มีการเสียกำลังพลที่น้อยมาก และประธานาธิบดีบุชได้รับความนิยมที่เพิ่มขึ้นสูงสุดในประวัติศาสตร์ แต่ปัญหาเศรษฐกิจในประเทศก็ตามมา ทำให้คะแนนนิยมลดลงอย่างรวดเร็ว เมื่อตอนที่บุชเข้ารับตำแหน่งนั้น เขาได้ประกาศแผนที่จะช่วยกิจการธนาคารประเภท Savings and Loan ซึ่งต้องประสบวิกฤติล่มสลายหลังการใช้ระบบเปิดการค้าเสรีในช่วงรัฐบาลเรแกน แต่ในปี ค.ศ. 1991 ประมาณว่าจะต้องใช้เงินจากภาษีอากรประมาณ 500,000 ล้านเหรียญสหรัฐเพื่อพยุงธุรกิจธนาคารนี้

สู่สังคมบริการและข้อมูลข่าวสาร

สังคมอเมริกาและโลกกำลังเข้าสู่โลกยุคข้อมูลข่าวสาร

ในช่วงทศวรรษที่ 1980 และจนถึงช่วง 1990 ระยะแรกนั้น สังคมสหรัฐได้เปลี่ยนไปทั้งในด้านประชากร เศรษฐกิจ และการเมือง ระบบอุตสาหกรรมได้เสื่อมถอยลงเริ่มตั้งแต่ทศวรรษที่ 1970 แต่ได้เปลี่ยนสู่ธูรกิจด้านบริการและอื่นๆมากขึ้น รัฐที่มีฐานด้านธุรกิจบริการ การค้า และเทคโนโลยีระดับสูง บริเวณที่หลายๆ คนเรียกว่า “ย่านแสงตะวัน” (The Sun Belt States) กลับมีความรุ่งเรืองขึ้น มีประชากรไปอยู่อาศัยเพิ่มมากขึ้น ส่วนย่านที่เคยเป็นอุตสาหกรรมหนัก ซึ่งรวมถึงย่านตะวันตกกลาง (Midwest) กลับประสบปัญหาทั้งทางด้านคนว่างงานและมีคนย้ายออกมากขึ้น รัฐตะวันตกกลาง มีการเติบโตทางเศรษฐกิจระดับร้อยละ 5 แต่ในช่วงปีทศวรรษ 1980 บริเวณรัฐย่านแสงตะวันมีการเติบโตที่ร้อยละ 15 และถึงร้อยละ 50 ในบางบริเวณ

สิ้นสุดยุคสงครามเย็น

ในช่วงการสิ้นสุดสงครามเย็น ได้เกิดการยุบเลิกกลุ่ม Warsaw Pact หรือกลุ่มยุโรปตะวันออกภายใต้อิทธิพลของโซเวียตรัสเซียที่เป็นคอมมิวนิสต์ สหภาพโซเวียตเองก็ล่มสลาย อิทธิพลของลัทธิคอมมิวนิสต์ได้เสื่อมสลายจนไม่มีบทบาทอะไรในประเทศเหล่านี้มากนัก ซึ่งทำให้ธุรกิจของอเมริกาเองก็เปลี่ยนไป จากการที่เคยค้าอาวุธก็ต้องเปลี่ยนไปสู่ธุรกิจใหม่ และโอกาสใหม่ในตลาดโลกที่เสรียิ่งขึ้น

ในช่วงเดือน เมษายน ค.ศ. 1992 ในเมือง Los Angles ในรัฐ California ได้เกิดเหตุการณ์ชาวอเมริกันผิวดำคนหนึ่งถูกทำร้ายโดยเจ้าหน้าที่ตำรวจ และได้ก่อให้เกิดการจราจลที่ขยายผลรุนแรงไปทั่ว มีคนตายไป 58 คน บาดเจ็บนับพันคน ทรัพย์สินเสียหายไปกว่า 1000 ล้านเหรียญ เหตุการณ์ความตึงเครียดด้านผิวได้เกิดขึ้นตามเมืองอื่นๆ เช่นกัน ในช่วงหลังสงครามอ่าวเปอร์เชีย สังคมอเมริกันได้หันมาให้ความสำคัญกับเรื่องปากท้องและสังคมภายในประเทศมากยิ่งขึ้น แต่ประธานาธิบดีบุชไม่สามารถให้คำตอบด้านนี้ได้ และประเด็นความอ่อนด้อยด้านนโยบายเศรษฐกิจทำให้เขาต้องพ่ายแพ้ต่อผู้สมัครรุ่นหนุ่มกว่า อย่างผู้ว่าการรัฐอาแคนซอว์ (Arkansas) ชื่อบิล คลินตัน (Bill Clinton) ในการแข่งขันในตำแหน่งประธานาธิบดีสมัยต่อมา

ยุคคลินตัน

คลินตัน (Bill Clinton) กับแนวคิดเสรีนิยมใหม่

คลินตันได้รับชัยชนะโดยได้เสียงร้อยละ 43 จากคะแนนเลือกโดยประชาชน และได้เสียงเลือกจากตัวแทน 370 เสียง (Electoral Vote) ส่วนบุชได้เสียงร้อยละ 38 และได้เสียงจากระบบตัวแทน 168 เสียง ส่วนผู้สมัครอิสระชื่อ H. Ross Perot ไม่ได้รับคะแนนจากระบบตัวแทน แต่ได้รับเสียงจากการเลือกตั้งโดยตรงร้อยละ 19 ซึ่งนับว่ามาทีเดียวสำหรับผู้สมัครที่ไม่มีพรรคสังกัด ทั้งนี้เพราะเขาเสนอที่จะขจัดการขาดดุลงบประมาณกลางที่กว่า 3.5 ล้านล้านเหรียญสหรัฐ คลินตันจัดเป็นนักการเมืองสายกลาง (Political Moderate) ได้รับคะแนนเสียงจากรัฐในภาคตะวันตกกลาง และตะวันตก ซึ่งในอดีตเคยละทิ้งพรรคดีโมแครต และหันไปออกเสียงให้กับเรแกน คลินตันชนะเพราะการหันมาให้ความสำคัญในเรื่องปากท้องและความเป็นอยู่ของประชาชน ส่วนบุชแม้ชนะสงคราม แต่ไม่สามารถให้คำตอบในเรื่องปากท้องและกิจการภายในประเทศได้ งานสุดท้ายในฐานะประธานาธิบดีคือ ในเดือนธันวาคม ค.ศ. 1992 ได้ส่งกองกำลังของสหรัฐเข้าไปในโซมาเลีย (Somalia) เพื่อรักษาสันติภาพ อันเป็นส่วนหนึ่งของกิจกรรมสหประชาชาติและเพื่อลำเลียงสัมภาระเพื่อการบรรเทาทุกข์ด้านความอดอยาก

การผลักดันการค้าเสรี

เมื่อคลินตันได้เข้ารับตำแหน่ง เศรษฐกิจค่อยๆ ดีขึ้น มีการเพิ่มภาษีและก็ขณะเดียวกันลดการใช้จ่ายภาครัฐลงไป ทำให้สภาพการใช้เงินเกินดุลในภาครัฐบาลกลางลดลง สหรัฐอเมริกาได้ลงนามในสนธิสัญญาการค้าเสรีในอเมริกาเหนือกับแคนาดาและเมกซิโก (The North American Free Trade Agreement) ในปี ค.ศ. 1992 ทั้งนี้เพื่อทำให้ประเทศสมาชิกมีความสามารถในการแข่งขันในตลาดโลกได้ สนธิสัญญาได้มีการปรับปรุงและได้มีผลใช้ในวันที่ 1 มกราคม ค.ศ. 1994

การเข้ายุ่งเกี่ยวในกิจการโลก

สงครามเย็นได้หมดไป แต่ความขัดแย้งใหม่ๆ ได้เกิดขึ้นในโลก

ในช่วง 2 ปีแรกที่เข้ารับตำแหน่ง คลินตันได้ถอนทหารออกจากโซมาเลีย ซึ่งสหรัฐได้สูญเสียทหารด้วยการที่ไม่มีแผนการรบที่ดีเพียงพอ และไม่มีความเข้าใจในภูมิประเทศ แต่ขณะเดียวกันได้ส่งทหารเข้าสู่ ไฮติ (Haiti) เพื่อสถาปนาระบบการปกครองในระบอบประชาธิปไตยอีกครั้งที่นั่น ประธานาธิบดีคลินตันได้เสนอการปฏิรูประบบประกันและใช้เงินเพื่อระบบสุขภาพของอเมริกันใหม่ แต่ข้อเสนอของเขาก็ไม่ผ่านรัฐสภา คลินตันมีปัญหากับรัฐสภาเมื่อ ค.ศ. 1994 ที่เสียงข้างมากเป็นของรีพับลิกันเมื่อชนะเลือกตั้งเข้ามามากทั้งในวุฒิสภา และสภาผู้แทน นโยบายภาครัฐจึงเป็นเรื่องที่ไม่สามารถคืบหน้าได้ เพราะประธานธิบดีไม่สามารถเสนอเรื่องผ่านและได้รับการอนุมัติจากรัฐสภาได้ และฝ่ายรัฐสภาก็ไม่สามารถเสนอเรื่องที่ท้ายสุดประธานาธิบดีไม่รับและใช้สิทธิวีโต้.(Veto) ให้ต้องกลับไปเริ่มต้นใหม่ได้

ตัวอย่างวิกฤติทางการบริหารเมื่องบประมาณรัฐบาลกลางไม่สามารถผ่านการรับรองโดยรัฐสภาได้ในช่วงเดือนเมษายน ค.ศ. 1996 และทำให้เกิดการชะงักงันยาวนาน 7 เดือน ต้องปิดหน่วยงานภาครัฐเป็นการชั่วคราว

การเข้าสู่บอสเนีย

การเข้าสู่ยุคก่อการร้ายในอเมริกาเอง

ในเดือนเมษายน ค.ศ. 1995 ได้เกิดวินาศกรรมจากการก่อการร้ายที่รุนแรงที่สุดในดินแดนอเมริกันเองเป็นครั้งแรก เมื่อมีการวางระเบิดอาคารที่ทำการรัฐบาลกลางในเมืองโอคลาโฮมาซิตี้ รัฐโอคลาโฮมา (Oklahoma City, Oklahoma) มีผู้เสียชีวิต 169 คน ในปี ค.ศ. 1995 ได้เกิดสงครามกลางเมืองในประเทศยูโกสลาเวีย (Yugoslavian civil war) สหรัฐได้เข้าไปเป็นตัวกลางเพื่อให้เกิดสันติภาพ มีการส่งทหารสหรัฐไปดูแลรัษาสันติภาพ ในกิจการด้านอิสราเอลและความขัดแย้งกับอาหรับ ได้มีการยอมรับการปกครองตนเองของปาเลสไตน์ในบริเวณฝั่งตะวันตกของฉนวนกาซา (West Bank and Gaza)

ราว ค.ศ. 1996 ประธานาธิบดีคลินตันได้พัฒนาสถานะของเขา และได้รับคะแนนเสียงเมื่อเผชิญกับรัฐสภาเสียงข้างมากโดยสมาชิกพรรครีพับลิกัน และมีการยอมรับข้อเสนอของพรรครีพับลิกันหลายประการ และปฏิเสธข้อเสนอที่มีลักษณะอนุรักษ์มากๆ บางข้อ และคลินตันได้รับเสนอชื่อเป็นตัวแทนพรรคในการสมัครชิงตำแหน่งประธานาธิบดีอีกครั้งโดยปราศจากคู่แข่ง ส่วนพรรครีพับลิกันได้ตัวแทนชื่อ Bob Dole และพรรคปฏิรูปที่ได้ตั้งใหม่ได้ Ross Perot เป็นตัวแทน คลินตันชนะการเลือกตั้งอีกครั้งด้วยคะแนนเสียงที่ดีขึ้น

การสอบสวนประธานาธิบดี

การเมืองคือเรื่องการตรวจสอบ

ในการดำรงตำแหน่งอีกครั้ง ศัตรูทางการเมืองของคลินตันทั้งในสภาและนอกสภาได้นำเรื่องเพื่อการสอบสวนในกรณีความเป็นไปได้ในการทุจริต Whitewater ที่อาจมีการใช้อำนาจอย่างผิดๆ ของประธานาธิบดี ในช่วงปลายปี ค.ศ. 1997 ได้มีการแต่งตั้งอัยการอิสระ Kenneth Starr เพื่อสืบหาข้อมูลเรื่องอื้อฉาวทางเพศเกี่ยวกับเยาวชนฝึกงานในทำเนียบขาวที่เรียกว่า Lewinsky scandal ซึ่งกลายเป็นข่าวพาดหัวใหญ่ระดับชาติในปี ค.ศ. 1998 การรณรงค์ถอดถอนไม่เป็นผล โดยมีสมาชิกฝ่ายพรรครีพับลิกันยืนฝ่ายให้ถอดถอน แต่ฝ่ายเดโมแครตยืนอยู่ฝ่ายสนับสนุนคลินตัน คนอเมริกันซึ่งมักจะคาดหวังอย่างสูงสำหรับศีลธรรมของผู้นำประเทศ คราวนี้ส่วนใหญ่เห็นว่าเป็นเรื่องส่วนตัว ส่วนหนึ่งของทัศนคติดังกล่าว เพราะเศรษฐกิจของประเทศกำลังไปได้ดี หุ้นในตลาดหลักทรัพย์สูงขึ้น อัตราการว่างงานลดลง หนี้รัฐบาลกลางลดลง และสัญญาณเศรษฐกิจทั่วไปดี แต่ฝ่ายวิพากษ์ก็กล่าวว่าสภานะของคนรวยกับคนจนก็ยิ่งห่างกันออกไปมากยิ่งกว่าเดิม ระยะนี้สงครามเย็นได้จบลงอย่างชัดเจนตราบจนสิ้นทศวรรษ 1990

สู่ปัญหา Chechnya

ในเวทีโลก สหรัฐเป็นมหาอำนาจเดียวแท้จริงของโลก

แนวโน้มสันติภาพในตะวันออกกลางอยู่ในเกณฑ์พัฒนาขึ้นอย่างต่อเนื่อง George Mitchell, ตัวแทนการฑูตจากสหรัฐ (U.S. envoy) ได้เข้าไปมีบทบาทในการเจรจายุติความขัดแย้งในไอร์แลนด์เหนือ แต่ในอีกด้านหนึ่ง ความขัดแย้งในนโยบาย Chechnya ของประเทศรัสเซีย ไม่ประสบความคืบหน้านัก และถือเป็นกิจการภายในของรัสเซีย ส่วนในอิรัค ประธานาธิบดี Saddam Hussein สามารถฝ่ามรสุมการเมืองและครองอำนาจต่อมาได้ 9 ปี หลังจากแพ้สงครามอ่าวเปอร์เซีย การที่สหรัฐรีรอที่จะจ่ายค่าสมาชิกในองค์กรสหประชาชาตินับเป็นความอับอายและสูญเสียอำนาจการออกเสียงในที่ประชุมสมรรชาใหญ่ ในปี ค.ศ. 1999 เลขาธิการสหประชาชาติชื่อ Kofi Annan ได้แสดงความประสงค์ที่จะเห็นบทบาทของสหรัฐที่เพิ่มขึ้นในองค์กรสหประชาชาติที่สหรัฐมีส่วนสำคัญให้เกิดขึ้น และก็มีสำนักงานใหญ่ตั้ง ณ มหานครนิวยอร์คในสหรัฐนั่นเอง

ในขณะเดียวกัน ในโคโซโว Kosovo องค์กรนาโต้ (North Atlantic Treaty Organization – NATO) ไม่สามารถหยุดยั้งการล่าสังหารชนกลุ่มน้อยในยูโกสลาเวีย Yugoslavia ซึ่งในปัจจุบันได้กลายเป็นซีเบียและมอนเตอนิโก Serbia and Montenegro ให้ถอนทหารออกจากจังหวัดนั้นได้ จึงได้มีการส่งทหารจากสหรัฐและอื่นๆ เข้าไปทำหน้าที่รักษาความสงบ ในความขัดแย้งนี้สหรัฐแสดงความลังเลที่จะส่งทหารเข้าไปรบ ซึ่งดูเหมือนว่าจะต้องเสียกำลังทหารไปมากทีเดียว ดังนั้นการรบจึงเป็นเรื่องของการส่งทัพอากาศเข้าไปช่วย และอาศัยเทคโนโลยีการบที่เหนือกว่าเข้าทำลายจุดสำคัญทางการทหารที่มีความเสี่ยงต่อการเสียกำลังพลไปได้

การเจรจาในตะวันออกกลาง

การเจรจาในตะวันออกกลางที่ได้เริ่มมาแต่ปี ค.ศ. 2000 ได้แตกหักลง มีการขยายตัวของความรุนแรงในอิสราเอล ฉนวนกาซา และในฝั่งตะวันออกในราวกลางปีนั้น รัฐบาลคลินตันได้พยายามเข้าไกล่เกลี่ย แต่ประเด็นความขัดแย้งมีความยากลำบากที่จะแก้ไขในช่วงนั้น ในช่วงเวลาเดียวกันในทางเศรษฐกิจ ตลาดหุ้น Nasdaq อันเป็นตลาดหุ้นธุรกิจใหม่ด้านการสื่อสารที่ได้ทยานขึ้นต่อเนื่องมาแต่ช่วย ค.ศ. 1999 ได้ประสบปัญหาสดุดลง เศรษฐกิจใหม่ อันเกี่ยวข้องกับเทคโนโลยีสารสนเทศอื่นๆ ได้พลอยทำให้เศรษฐกิจสหรัฐหดตัวลงเมื่อช่วงสิ้นปี

การเข้าสู่ยุค George W. Bush

การทดสอบระบบเลือกตั้ง

ในการเลือกตั้งปี ค.ศ. 2000 คนอเมริกันไม่ค่อยตื่นเต้นนักกับตัวเลือกผู้สมัครเป็นประธานาธิบดี ฝ่ายพรรคเดโมแคตได้ตัวรองประธานาธิบดีอัล กอร์ (Al Gore) ส่วนพรรครีพับลิกันได้ตัวผู้ว่าการรัฐเทกซัส (Texas) ชื่อ George W. Bush ซึ่งเป็นบุตรชายของอดีตประธานาธิบดี George H. W. Bush หรือ Bush ผู้พ่อ ผลการเลือกตั้งลงท้ายด้วยความสับสน เมื่อคืนวันเลือกตั้งนั้น โทรทัศน์ต้องประกาศแล้วต้องเปลี่ยนถึงสองครั้งกับผลการนับคะแนนโทรทัศน์ได้ประกาศการเปลี่ยนแปลงผลการนับคะแนนถึงสองครั้งในรัฐฟลอริดา ซึ่งตอนแรกได้ประกาศให้ Gore ชนะ แล้วเปลี่ยนเป็น Bush เป็นผู้ชนะ แล้วก็ต้องแขวนผลการเลือกตั้งและนับคะแนนใหม่

ประเด็นก็คือ ถ้าผลว่าใครชนะที่รัฐฟลอริดา ก็จะเป็นผู้ชนะในตำแหน่งประธานาธิบดี ผลคือหลังจากต้องนับคะแนนใหม่ Gore ได้ประกาศยอมรับความพ่ายแพ้เมื่อปรากฎว่าเสียงตามอยู่หลายร้อยคะแนน (จากที่ต้องนับ 6 ล้านเสียง) แต่ถ้านับคะแนนระดับชาติโดยรวมแล้ว Gore จะยังชนะหลายพันคะแนน ความใกล้เคียงของคะแนนในลักษณะดังกล่าวอย่างที่ไม่ปรากฎมาก่อนได้ทำให้อเมริกันต้องมาตรวจสอบระบบการเลือกประธานาธิบดี ระบบนับคะแนน และอื่นๆ

เศรษฐกิจชะลอตัว

เศรษฐกิจเมื่อมีขาขึ้น ก็มีขาลง

ในช่วงมีนาคม ค.ศ. 2001 เศรษฐกิจของสหรัฐได้มีการชะลอตัวลง อัตราการว่างงานสูงขึ้น นำไปสู่การลดอัตราดอกเบี้ยเพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจของธนาคารกลางของสหรัฐ (Federal Reserve Bank) รัฐบาลสหรัฐภายใต้การนำของบุช ได้รีบประกาศลดภาษีและได้รับการอนุมัติจากรัฐสภา แต่ในส่วนของกิจกรรมนิติบัญญัติอื่นๆ เป็นไปด้วยความล่าช้า ด้วยเสียงในสภามีความก้ำกึ่งกันอยู่ระหว่างฝ่ายเดโมแครต และฝ่ายรีพับลิกัน เมื่อวุฒิสมาชิกชื่อ Jeffords แห่งรัฐ Vermont ได้ลาออก ทำให้พรรครีพับลิกันต้องเสียการควบคุมเสียงข้างมากในสภาไป

ในเวทีโลก สหรัฐประสบปัญหาความขัดแย้งกับพันธมิตรเมื่อสหรัฐยกเลิกขัอตกลงที่ทำไว้ใน Kyoto Protocal ซึ่งออกแบบไว้เพื่อให้เกิดการต่อสู้เพื่อแก้ปัญหาโลกร้อนขึ้น และเพื่อควบคุมการสร้างอาวุธต้านขีปนาวุธ

ความสัมพันธ์กับจีนตึงเครียดขึ้นชั่วขณะในช่วงเดือนเมษายน ค.ศ. 2001 เมื่อเครื่องบินรบของจีนได้ชนกับเครื่องบินสอดแนมของสหรัฐโดยอุบัติเหตุ และทำให้นักบินจีนเสียชีวิต

11 กันยายน ค.ศ. 2001

ความรุนแรงที่สุดของการก่อการร้ายในดินแดนสหรัฐ

ในวันที่ 11 กันยายน ค.ศ. 2001 ได้มีผู้ก่อการร้ายจี้เครื่องบินโดยสาร 4 ลำแล้วขับพุ่งเข้าชน โดย 2 ลำเข้าชนอาคารเวิร์ดเทรดเซ็นเตอร์ World Trade Center ณ เกาะแมนฮัตตัน (Manhattan) มหานครนิวยอร์ค รัฐนิวยอร์ค (New York City, New York) อีกลำพุ่งเข้าชนอาคารเพนทากอน (Pentagon) กระทรวงกลาโหมในกรุงวอชิงตัน ดีซี และอีกลำได้ตกในบริเวณ Shanksville ในรัฐเพนซิลเวเนีย (Pennsylvania) มีคนตายและสูญหายไปกว่า 3000 คนจากการโจมตีนี้ ประธานาธิบดีบุชได้ประกาศกร้าวว่าจะจัดการกับผู้ก่อการร้ายอย่างเด็ดขาด และรวมถึงประเทศที่ให้การช่วยเหลือที่เป็นที่พักพิง

บุชได้ประกาศให้ประเทศอัฟกานิสถาน ที่มีรัฐบาลหัวรุนแรงทาลีบัน Taliban ได้ส่งตัวอุสมา บิน ลาเดน Osama bin Laden ผู้นำก่อการร้ายอิลลาม ชาวซาอุดิอาเรเบีย ผู้ซึ่งพยายามสร้างเครือข่ายก่อการร้ายสากลชื่อว่าอัลกออิดา Al Qaeda สหรัฐได้ใช้นโยบายทุกทางที่จะขจัดกลุ่ม Al Qaeda และพวก Taliban และรวมไปถึงกลุ่มก่อการร้ายอื่นๆ และส่งอิทธิพลไปยังชาติต่างๆ เพื่อช่วยกันตัดกำลังฝ่ายก่อการร้ายสากลนี้ และขณะเดียวกันได้เตรียมความพร้อมในการบุกเข้าอัฟกานิสถาน

การบุกอัฟกานิสถาน

ในเดือนตุลาคม ค.ศ. 2001 ได้มีการโจมตีดินแดนอัฟกานิสถานทางอากาศ โดยอาศัยฐานที่ตั้งของอังกฤษใน โอมาน (Oman) ในปากีสถาน และอุสเบกิสถาน (Uzbekistan) และขณะเดียวกันก็ได้สนับสนุนให้ฝ่ายต่อต้านรัฐบาลทาลิบันได้มีอาวุธเข้าทำการสู้รบในอัฟกานิสถานขับไล่รัฐบาลทาลิบันออกจากอำนาจ
แต่ในความพยายามที่จะติดตามไล่ล่า Bin Laden ก็ไม่ประสบความสำเร็จ แม้จะมีการใช้เทคโนโลยีการทิ้งระเบิดต่างๆ ไปมากมาย แต่ Bin Laden ก็ยังหลบหนีการจับกุม หรือสังหารไปได้

ผลของการก่อการร้าย

สถานการณ์ก่อการร้ายได้ส่งผลให้เศรษฐกิจที่ตกต่ำอยู่แล้วได้มีผลรุนแรงยิ่งขึ้น โดยเฉพาะสายการบินของสหรัฐได้รับผลกระทบอย่างหนัก ต้องมีการยกเลิกเที่ยวการบินเป็นอันมากด้วยมีผู้โดยสารที่ลดลง รัฐสภาได้มีการออกกฎหมายเพื่อช่วยลดความรุนแรงของผลกระทบทางด้านเศรษฐกิจ รวมทั้งการมีเงินกู้ 15000 ล้านเหรียญเพื่อประคองธุรกิจการบินของประเทศ

วิกฤตใหม่อีกด้านมาถึงเมื่อมีการใช้อาวุธชีวภาพ การปล่อยเชื้อแอนแทรกซ์ Antrax ในรูปของสปอร์ Spores บรรจุในไปรษณีย์ต่างๆ แล้วส่งไปยังสื่อและเจ้าหน้าที่ของรัฐบาลต่างๆ นับเป็นการปรากฎของการใช้อาวุธชีวภาพที่สร้างความตระหนกได้มากเป็นครั้งแรก

แม้การกระตุ้นบริภาคทำให้ตลาดหุ้นกระเตื้องขึ้นมาบ้างในตอนปลายปี จากที่ต่ำสุดหลังเหตุการณ์ 11 กันยายน แต่อัตราการว่างงานยังสูงที่ระดับ 5.8 ในเดือนธันวาคม ค.ศ. 2001 อย่างไรก็ตามสภาพเศรษฐกิจอยู่ในสภาพฟื้นตัวอย่างช้าๆ ส่วนหนึ่งเป็นผลจากการใช้จ่ายในภาครัฐบาลกลาง ในช่วงแรกของปี ค.ศ. 2002 ฝ่ายบริหารโดยบุชได้ประกาศแผนการสร้างกำลังทางทหาร และได้ในปี ค.ศ. 2001 ได้คาดว่าจะมีการลดภาษีและอาจมีผลทำให้มีงบประมาณแบบติดลบ คือใช้มากกว่าได้รับในช่วงปี ค.ศ. 2002-4 แต่ในช่วงเวลาดังกล่าวได้เกิดเรื่องอื้อฉาวในองค์กรธุรกิจขนาดใหญ่ที่มีการโกงและตกแต่งบัญชี และการล้มละลาย สร้างความกังขาต่อการจัดการองค์กรขนาดใหญ่ที่ต้องอาศัยการระดมเงินในตลาดหลักทรัพย์ จนในที่สุดในเดือนกรกฎาค ค.ศ. 2002 รัฐสภาได้ออกกฏหมายยกเครื่องระบบการเงินและองค์กรธุรกิจเสียใหม่

การต่อสู้ในอัฟกานิสถานยังดำเนินต่อไปเมื่อสหรัฐได้ใช้กำลังไล่ล่ากลุ่มกำลังของ Taliban และ Al Qaeda สหรัฐใช้ฐานทัพที่ได้รับอนุญาตให้จัดตั้งในปากีสถาน Kyrgyzstan, และ Uzbekistan เพื่อให้การสนับสนุนการรบในอัฟกานิสถาน ในประเทศฟิลิปปินส์ซึ่งประสบปัญหาผู้ก่อการร้ายอิสลามหัวรุนแรงเช่นกัน และใน Sulu Archipelago ได้รับการสนับสนุนด้านเทคนิคจากสหรัฐในการต่อสู้กับสงครามกองโจรและการก่อการร้าย สหรัฐได้สนับสนุนการฝึกอบรมทางทหารแก่จอร์เจีย Georgian ในยุโรปตะวันออก และเยเมน Yemeni ในอาหรับเพื่อต่อสู้กับสงครามก่อการร้าย

การบุกอิรัค

ในช่วงปี ค.ศ. 2002 บุชได้ให้ความสำคัญในการข่าวที่ว่าอิรัคมีอาวุธทำลายล้าง (Weapons of Mass Destruction – MMD) และได้มีการขู่เตือนอิรัคที่ปฏิเสธการตรวจสอบอาวุธจากคณะกรรมการตรวจสอบอาวุธจากสหประชาชาติ ในเดือนมีนาคม ได้แสดงความไม่เห็นด้วยที่สหรัฐจะบุกอิรัค แต่เจ้าหน้าที่ของสหรัฐได้เรียกร้องให้ซัดดัม ฮุสเซน (Saddam Hussein) ประธานาธิบดีของอิรัคพ้นจากตำแหน่ง และได้เรียกร้องให้สหประชาชาติได้กระทำการตอบโต้ต่ออิรัคที่ไม่เชื่อฟังในการตรวจสอบอาวุธ

ในเดือนพฤศจิกายน คณะมนตรีความมั่นคง (Security Council) แห่งสหประชาชาติ ได้มีมติยื่นโอกาสสุดท้ายแก่อิรัคให้ร่วมมือในการตรวจสอบอาวุธอย่างเคร่งครัดตามระเบียบกำหนด และการตรวจสอบอาวุธได้เริ่มขึ้นในอีก 1 เดือนต่อมา แต่ก็ไม่ใช่ด้วยความร่วมมือนักจากฝ่ายอิรัค และขณะเดียวกันรัฐสภาสหรัฐได้ออกฏหมายให้สหรัฐสามารถทำการรบโดยการส่งทหารไปรบในอิรัคได้ และสหรัฐก็ได้เริ่มสะสมกำลังอาวุธในตะวันออกกลางอีกครั้งหนึ่ง

การมีกระทรวงความมั่นคงแห่งชาติ

ในเดือนพฤศจิกายนได้มีการเลือกตั้งทั่วไป ที่พรรครีพับลิกันได้รับเลือกเพิ่มขึ้นเล็กน้อย แต่ทำให้ได้เสียงข้างมากในรัฐสภาและสภาผู้แทนฯ กลับมา และหลังการเลือกตั้งรัฐสภาได้ลงคะแนนเสียงให้มีกระทรวงใหม่ ชื่อว่า “กระทรวงความมั่นคงแห่งแผ่นดิน” (Department of Homeland Security) มีผลอย่างสมบูรณ์ในเดือนมีนาคม ค.ศ. 2003 กระทรวงใหม่นี้ได้รวมงานที่เกี่ยวกับความมั่นคงของชาติที่กระจัดกระจายและไม่ประสานงานกัน ให้มีความรับผิดชอบประสานงานได้ภายใต้กระทรวงเดียว การสร้างองค์กรใหม่นี้นับเป็นการทำงานกระทรวงที่ใหญ่ที่สุดหลังจากที่มีกระทรวงกลาโหม (Department of Defense) ในช่วงสงครามโลกครั้งที่สองในราวทศวรรษที่ 1940

เดือนธันวาคม ค.ศ. 2002 ได้มีการเจรจาการค้าเสรีที่ชิลี และได้ลงนามในเดือนมิถุนายน ค.ศ. 2003 ซึ่งมีผู้กล่าวว่าเป็นการขยายแนวทางแบบ NAFTA ที่รวมกลุ่มประเทศในทวีปอเมริกาเพื่อสร้างความแข็งแกร่งในการค้าระหว่างประเทศ ประธานาธิบดีบุชได้สั่งให้มีการจัดทำระบบป้องกันการโจมตีทางอากาศ ซึ่งมีผลในปี ค.ศ. 2004 ระบบออกแบบมาเพื่อป้องกันการโจมตีด้วยขีปนาวุธที่อาจเกิดขึ้น และในการนี้สหรัฐได้ถอนข้อตกลงด้านการสร้างอาวุธต่อต้านขีปนาวุธที่ได้ทำกับสหภาพโซเวียตในเดือนมิถุนายน
เกาหลีเหนือมักได้รับการกล่าวขวัญถึงในฐานะประเทศที่มีโอกาสก่อการโจมตีทางอากาศได้ และในเดือนตุลาคม ค.ศ. 2004 เกาหลีเหนือได้รับว่ามีโปรแกรมพัฒนาอาวุธดังกล่าว

สหรัฐและหลายชาติจึงได้ตอบโต้ด้วยการหยุดส่งน้ำมันและลดการช่วยเหลือด้านอาหารไปยังเกาหลีเหนือ สหรัฐได้แสดงทัศนะที่จะไม่เจรจาใดๆ กับเกาหลีเหนือ และได้มีมาตรการเผชิญหน้าในช่วงใกล้ ค.ศ. 2003

การเตรียมบุกอิรัค

ประธานาธิบดีบุชได้เพิ่มแรงกดดันในอิรัคปลดอาวุธในปี ค.ศ. 2003 และแสดงความไม่อดทนต่อฝ่ายอิรัคที่ไม่เชื่อฟังและยอมตาม ในเดือนกุมภาพันธ์ ค.ศ. 2003

นอกจากการแสดงความไม่เห็นด้วยของหลายๆชาติที่ไม่เห็นด้วยในการส่งกองทัพอเมริกันไปรบในอิรัค ชาติเหล่านี้ได้แก่ ฝรั่งเศส (France), เยอรมัน (Germany), และ รัสเซีย (Russia) ส่วนอังกฤษได้ร่วมกับสหรัฐจัดดันอิรัคต่อไป โดยมีการเตรียมทัพ ณ บริเวณใกล้อิรัค แม้ตุรกีที่ฝ่ายพันธมิตรจะเห็นว่าจะขอใช้เป็นฐานทัพโจมตีจะปฏิเสธการให้ใช้ดินแดนเป็นฐานปฏิบัติการโจมตีอิรัค แต่อเมริกาก็ได้อาศัยการเปิดฐานที่มั่นทางเหนือของอิรัค ในเดือนมีนาคม ค.ศ. 2003 แม้คณะมนตรีความมั่นคงจะไม่ตอบสนองด้วยการสนับสนุน แต่สหรัฐและอังกฤษก็ยังคงเดินหน้าเตรียมบุกอิรัคต่อไป ประธานาธิบดีบุชได้ยื่นเงื่อนไขสุดท้ายต่อประธานาธิบดี Saddam Hussein แห่งอิรัคให้ยอมจำนนในวันที่ 17 มีนาคม ค.ศ. 2003 แต่ 2 วันต่อมาสงครามก็ได้เริ่มขึ้นด้วยการโจมตีทางอากาศต่อฝ่ายอิรัคภายใต้การนำของ Hussein
หลังจากการใช้กำลังทางอากาศทำลายกำลังสำคัญต่างๆแล้ว กองกำลังภาคพื้นดินก็ได้เข้ายึดครองอิรัคในราวกลางเดือนเมษายน และสามารถเข้าควบคุมเมืองใหญ่ๆ ในอิรัคได้ และได้ให้ความสำคัญในการสร้างอิรัคใหม่ และการจัดตั้งรัฐบาลใหม่ในระบบประชาธิปไตย ส่วนการค้นหาอาวุธร้ายแรงนั้น กองกำลังฝ่ายพันธมิตรไม่สามารถค้นพบได้แม้หลายๆ เดือนผ่านไป ในระหว่างนี้ได้มีสงครามกองโจร ลอบโจมตีอยู่เป็นระยะๆ โดยส่วนใหญ่เป็นพวกอิสลามนิกาย Sunni ในตอนกลางของอิรัค

ค่าใช้จ่ายสงคราม

การสงครามนำมาซึ่งค่าใช้จ่าย และปัญหาเศรษฐกิจภายในประเทศ

การเข้ารบในอิรัคได้ทำให้สหรัฐต้องมีการจัดงบประมาณรัฐบาลกลางแบบขาดดุลเป็นประวัติการด้วยเงินขาดดุลที่ 374,000 ล้านเหรียญสหรัฐ สภาพการใช้เงินเพื่อสงครามดังกล่าวทำให้เศรษฐกิจของสหรัฐอ่อนแอลง อัตราการว่างงานได้ขึ้นไปที่ระดับร้อยละ 6.4 ในช่วงเดือนมิถุนายน

ปัญหาไฟดับ

พลังงานเป็นปัญหาสำคัญและเรื่องที่สร้างความติดขัดในชีวิตและสังคมของสหรัฐได้มาก
ในเดือนสิงหาคม ค.ศ. 2003 ได้มีไฟฟ้าดับแบบแผ่วงกว้างทั่วภาคตะวันออกเฉียงเหนือของสหรัฐ กินพื้นที่ในรัฐ New York และบางส่วนของ Vermont, Massachusetts, Connecticut, New Jersey, Pennsylvania, Ohio, Michigan, และรวมไปถึงบริเวณประเทศเพื่อนบ้าน ใน Ontario ประเทศ Canada มีประชากรได้รับผลกระทบนับเป็น 50-60 ล้านคน เมื่อไฟฟ้าดับ ระบบต่างๆ ก็ต้องพลอยหยุดไปด้วย เช่นระบบขนส่ง กิจการร้านค้า ธุรกิจ ไฟฟ้าดับอยู่ 2-3 วัน ปัญหานี้เกิดจากระบบ Transmission และระบบสำรองไฟฟ้ามีปัญหา เมื่อมีการใช้ไฟฟ้าเกินขนาด ทำให้ระบบหนึ่งล่ม และก็ลากระบบอื่นๆ ที่ต่อเชื่อมแบบแบ่งปันกันที่เรียกว่า Grid ก็พลอดล่มตามไปด้วย เป็นแบบอัตโนมัติ

เศรษฐกิจของสหรัฐได้กระเตื้องขึ้นในช่วงกลางของปี ค.ศ. 2003 แม้การว่างงานจะอยู่ที่ระดับเกือบร้อยละ 6 การจ้างงานยังอยู่ในเกณฑ์เพิ่มขึ้นเล็กน้อย แต่เศรษฐกิจโดยรวมดูจะดีขึ้น โดยเฉพาะในช่วงไตรมาศที่ 3 ของปี ที่การปฏิรูประบบประกันสุขภาพได้สำเร็จและมีการลงนามในเดือนธันวาคม ทำให้ธุรกิจเกี่ยวกับยาและการสั่งจ่ายยาได้รับผลดีตามไปด้วย

ในเดือนเดียวกันได้เกิดข้อตกลงการค้าเสรีในอเมริกากลาง (Central American Free Trade Agreement - CAFTA) ซึ่งมีประเทศผู้ลงนามประกอบด้วยสหรัฐอเมริกา (United States), กัวเตมาลา (Guatemala) , ฮอร์นดูรัส (Honduras) เอล ซาวาดอร์ (El Salvador) และ นิการากัว (Nicaragua) ในเดือนเมษายน ค.ศ. 2004 ประเทศคอสตาริกา Costa Rica และ สาธารณรัฐโดมินิกันDominican Republic ได้ตกลงที่จะร่วมด้วยใน CAFTA ขณะเดียวกันสหรัฐก็ได้ข้อตกลงการค้าเสรีกับออสเตรเลีย (Australia) และโมร๊อคโค (Morocco).

ไม่มีอาวุธทำลายล้างในอิรัค

ในเดือนมกราคม ค.ศ. 2004 คณะตรวจสอบอาวุธของสหรัฐได้รายงานว่า เขาไม่สามารถตรวจพบการเก็บสะสมอาวุธร้ายแรงไม่ว่าจะเป็นอาวุธชีวภาพ หรืออาวุธเคมีในอิรัค การที่ใช้เหตุผลของการบุกอิรัคด้วยการอ้างว่ามีอาวุธร้ายแรงที่จะเป็นอันตรายต่อชาวโลกและสหรัฐอเมริกาตามที่ฝ่ายสืบราชการลับของสหรัฐเองรายงาน จึงไม่เป็นเหตุผล ประธานาธิบดีสหรัฐจึงสั่งให้มีคณะกรรมการตรวจสอบที่เป็นกลางเพื่อดูจุดบกพร่องด้านการข่าว คณะกรรมการได้รายงานวิพากษ์การทำงานของระบบการข่าวที่ไม่สามารถใช้สติปัญญาในการตรวจสอบระบบได้ และเสนอให้มีการยกเครื่องระบบการข่าวของสหรัฐ

ในขณะเดียวกัน ในเดือนกุมภาพันธ์ ค.ศ. 2004 สหรัฐ ฝรั่งเศสและแคนาดา ได้เข้าไปรักษาความสงบในประเทศไฮติ (Haiti) และประธานาธิบดี Jean-Bertrand Aristide ได้ลาออกด้วยแรงงกดดันหลังจากที่ฝ่ายขบถได้รุกคืบไปเกือบหมดประเทศและได้เตรียมจะเข้าเมืองหลวง สหรัฐได้ถอนทหาร หลังจากบราซิล (Brazil) ได้เข้ารับงานกองทหารรักษาความสงบในไฮติ

ประเด็นการเลือกตั้ง

ในเดือนมีนาคม ค.ศ. 2003 จอห์น เคอร์รี่ (John Kerry) ได้รับการเสนอชื่อเป็นตัวแทนพรรคเดโมแครตในการชิงตำแหน่งประธานาธิบดี โดยมีวุฒิสมาชิกจอห์น เอ็ดเวิร์ด (John Edwards) แห่งรัฐนอร์ทคาร์โลไลน่า (North Carolina) เป็นทีมคู่สมัครตำแหน่งรองประธานาธิบดี ทั้งสองปฏิเสธที่จะรับเงินสนับสนุนการหาเสียงเลือกตั้งจากรัฐบาล จึงทำให้แต่ละคนสามารถรณรงค์หาเงินสนับสนุนการเลือกตั้งได้อย่างมากเป็นประวัติการ แต่กระนั้นก็ยังแพ้ในการเลือกตั้ง และประธานาธิบดี Georg W. Bush ก็ได้เป็นประธานาธิบดีต่ออีกสมัย ด้วยคะแนนเสียงที่ชัดเจน

การต่อสู้ของทหารสหรัฐและอังกฤษในอิรัคยังคงดำเนินต่อไป และสหรัฐยังไม่มีนโยบายและกำหนดเงื่อนไขเวลาที่จะถอนทหาร ขณะเดียวกันสงครามกองโจรและลอบโจมตีก็ยังคงดำเนินต่อไป

ในช่วงสิ้นเดือนมิถุนายน Paul Bremer ในฐานะหัวหน้าคณะผู้บริหารนำโดยคณะกรรมการชั่วคราว (U.S.-led
Coalition Provisional Authority) ก็ได้ส่งอำนาจต่อให้กับรัฐบาลชั่วคราวของอิรัค แต่ความรุนแรง การก่อการร้าย การใช้ระเบิดพลีชีพสังหารก็ยังเกิดขึ้นเป็นประจำ ขณะเดียวกันสหรัฐยังคงกำลังทัพในอิรัคจำนวน 160,000 คน เพื่อเป็นหลักประกันความมั่นคงของรัฐบาลอิรัคชั่วคราวSections in this article:

No comments:

Post a Comment