Thursday, April 30, 2009

Emilio Aguinaldo ประธานาธิบดีคนแรกของประเทศฟิลิปปินส์



ภาพ Emilio Aguinaldo
ประธานาธิบดีคนแรกของประเทศฟิลิปปินส์


ประกอบ คุปรัตน์
Pracob Cooparat
E-mail: pracob@sb4af.org


แปลและเรียบเรียง
 จาก  Wikipedia, the free encyclopedia.

Keywords: ประิวัติศาสตร์ ฟิลิปปินส์

Emilio Aguinaldo
Order 1st President of the Philippines (President of the 1st Republic) ดำรงตำแหน่ง (Term of office) January 23, 1899 – April 1, 1901
ยังไม่มีตำแหน่งรองประธานาธิบดี (Vice President None)

ไม่มีผู้ดำรงตำแหน่งต่อมา (
Predecessor)

เกิดเมื่อวันที่ 22 มีนาคม ค.ศ. 1869
Cavite El Viejo (Kawit), Cavite
เสียชีวิตเมื่อ (Died) February 6, 1964 ณ เมือง Quezon City, Metro Manila ในปัจจุบัน

อีมิลิโอ อากินัลโด (Emilio Aguinaldo ) มีชื่อเต็มว่า Emilio Aguinaldo y Famy เกิดเมื่อวันที่ 22 มีนาคม ค.ศ. 1869 และเสียชีวิตในวันที่ 6 กุมภาพันธ์ ค.ศ. 1964 ด้วยโรคชรา เป็นชาวฟิลิปปินส์เลือดผสมเชื้อสายจีน เป็นนักการเมือง การทหาร ผู้นำต่อสู้ในการประกาศอิสรภาพแห่งประเทศฟิลิปปินส์ นำการสู้รบกับสเปนในสงครามประกาศอิสรภาพ Philippine Revolution และ ในภายหลัง ได้นำทัพในการสู้รับกับสหรัฐในสงคราม Philippine-American War


หากโฮเซ่ ริซาล (Jose Rizal) เป็นวีรบุรุษที่ทำหน้าที่ปลุกจิตใจรักชาติในเชิงความคิดและปัญญา อากินัลโดเป็นที่ยอมรับในฐานะผู้นำในการต่อสู้ การเป็นนักรบ นักการทหาร และนักการเมืองในการต่อสู้กับทั้งสเปน และสหรัฐอเมริกา เพื่ออิสรภาพของประเทศฟิลิปปินส์


ชีวิตในช่วงแรก


อีมิลิโอ อากินัลโด เป็นบุตรคนที่ 7 ของจำนวน 8 คนอันเกิดจากบิดา คือนาย Carlos Aguinaldo และมารดา คือนาง Trinidad Famy เป็นครอบครัวลูกประสมเชื้อสายจีน พ่อของเขาเป็นบุคคลระดับหัวหน้าบริหารเมือง ( เรียกเป็นภาษาท้องถิ่นว่า gobernadorcillo หรือในภาษาอังกฤษว่า town head) ที่มีชื่อว่า Cavite El Viejo (ในปัจจุบันมีชื่อว่า Kawit), ในเขตจังหวัด Cavite โดยทั่วไปจัดว่ามีฐานะทางเศรษฐกิจที่ดี มีทรัพย์สมบัติและอำนาจ


เมื่อเป็นเด็ก อากินัลโดได้รับการศึกษาขั้นพื้นฐานจากภายในครอบครัว และได้เข้าโรงเรียนประถมศึกษา ในปี ค.ศ. 1880 เขาได้เรียนในระดับมัธยมศึกษาที่ Colegio de San Juan de Letran แต่ต้องออกจากการศึกษาเพื่อกลับมาช่วยงานบ้าน ช่วยแม่ทำไร เนื่องจากพ่อได้ถึงแก่กรรม


เมื่ออายุได้ 17 ปี เขาได้รับเลือกตั้งให้ทำงานในตำแหน่ง cabeza ของหมู่บ้าน ( barangay) แห่ง Binakayan ซึ่งจัดเป็นบริเวณที่ก้าวหน้าที่สุดของ Cavite El Viejo เขาดำรงตำแหน่งอยู่ในเมืองนี้เป็นเวลา 8 ปี และในระหว่างนี้เขาทำธุรกิจด้านการขนส่งระหว่างเกาะต่างๆ ท่องเที่ยวไปในทางตอนใต้ ไกลจนถึงหมู่เกาะ Sulu Archipelago


ในปี ค.ศ. 1893 เมื่อมีการปรับปรุงระบบบริหารท้องถิ่นใหม่ มีการปกครองเป็นแบบเมือง เขาได้รับเลือกเป็นหัวหน้าเมือง เรียกว่า capitan municipal และในวันที่ 1 มกราคม ค..ศ. 1895 อากินัลโดได้รับเลือกเป็นผู้บริหารเมืองที่เรียกว่า Town Head และได้ดำรงตำแหน่งเป็นผู้บริหารเมือง (capitan municipal ) คนแรกของ Cavite El Viejo.


การปฏิวัติฟิลิปปินส์
Emilio Aguinaldo c. 1898

อากินัลโดได้เข้าร่วมกับกลุ่ม Katipunan brotherhood สมาคมลับนำโดย Andrés Bonifacio ทำหน้าที่ในการต่อสู้เพื่ออิสรภาพของฟิลิปปินส์ เขาได้ร่วมในการทำสงครามกับสเปน สู้รบกู้ชาติ โดยอยู่ภายใต้การนำของนายพล Baldomero Aguinaldo จนได้รับตำแหน่งนายพลภายในไม่กี่เดือนของการทำสงครามกับสเปน ซึ่งเกิดขึ้นในปี ค.ศ. 1896 เขาได้ร่วมสู้รบในสงครามมาตลอด แต่ในระยะต่อมา ได้ขัดแย้งในด้านการนำการต่อสู้ และการจัดตั้งรัฐบาลกับ Bonifacio ซึ่งเป็นผู้นำกลุ่มมาแต่เดิม Bonifacio แพ้ในคะแนนเสียง แต่ไม่ยอมรับการจัดตั้งรัฐบาลที่มี Aguinaldo เป็นผู้นำ Bonifacio ถูกจับได้ โดยมีการนำขึ้นศาล และถูกตัดสินประหารชีวิตในวันที่ 10 พฤษภาคม ค.ศ. 1897 ในข้อหาทรยศต่อกองทัพ


การต่อสู้กับสเปน Biak na Bato


การต่อสู้กับสเปนมีความรุนแรงยิ่งขึ้น


การบุกของฝ่ายสเปนเพิ่มความรุนแรง และทำให้ฝ่ายกองกำลังของ Katipunan ต้องถอยเข้าสู่ป่า แต่ในวันที่ 14 ธันวาคม ค.ศ. 1897 ได้มีการทำความตกลงกันที่เรียกว่า Pact of Biak-na-Bato และตามข้อตกลงมีการจ่ายเงินให้ 400,000 pesos อากินัลโดพร้อมด้วยผู้นำกบฎคนอื่นๆ สมัครใจที่จะไปลี้ภัยที่ฮ่องกง อากินัลโดรับเงิน แต่ได้หลบลี้ภัยภายในประเทศและใช้เงินในการสั่งสมอาวุธเพื่อการปฏิวัติฟิลิปปินส์ต่อไป


ตามข้อตกลงนี้ได้มีการจัดตั้ง Supreme Council เพื่อการบริหารงานและดูแลให้เป็นไปตามข้อตกลง อีมิลิโอ อากินัลโด ได้รับเลือกให้เป็นประธานาธิบดี Mariano Trias เป็นรองประธานาธิบดี ผู้รับตำแหน่งคนอื่นๆ ได้แก่ Antonio Montenegro ว่าการต่างประเทศ (Foreign Affairs) Isabelo Artacho ว่าการกระทรวงมหาดไทย หรือภายในประเทศ (the Interior) Baldomero Aguinaldo ว่าการคลัง (Treasury) และ Emiliano Riego de Dios ว่าการกระทรวงสงคราม (for War)


เมื่ออีมิลิโอ อากินัลโด กลับคืนประเทศในเดือนพฤษภาคม ค.ศ. 1898 เขาได้กลับมาเริ่มกิจกรรมปฏิวัติต่อสู้กับสเปนต่อ โดยได้รับการสนับสนุนจากฝ่ายสหรัฐ


ช่วงสงคราม Spanish-American War


การเข้าร่วมกับอเมริกันในการสู้รบกับสเปน


ในปี ค.ศ. 1898 ในสงคราม Spanish-American War อากินัลโดได้ติดต่อกับเจ้าหน้าที่ของสหรัฐเพื่อรับการสนับสนุนในการต่อสู้เพื่ออิสรภาพ และเขาได้รับสัญญาณที่จะต่อสู้ร่วมกับสหรัฐเพื่อขับไล่สเปน ซึ่งเขาได้กระทำ และสามารถจับเชลยฝ่ายสเปนได้ 15000 คน และได้ส่งให้นายพลเรือ Dewey. แต่หลังจากนั้นสัมพันธภาพกับฝ่ายอเมริกันก็เริ่มเลวร้ายลงเมื่อฝ่ายสหรัฐไม่แสดงความสนใจที่จะให้อิสรภาพและยอมรับอธิปไตยแห่งชาติของฟิลิปปินส์ แต่กลับส่งกำลังทหารเข้ายึดครองฟิลิปปินส์แทนสเปน อากินัลโดได้ประกาศอิสรภาพแห่งชาติในวันที่ 12 มิถุนายน ค.ศ. 1898 และมีการร่างรัฐธรรมนูญ และเลือกประธานาธิบดีในวันที่ 1 มกราคม ค.ศ. 1899


สงครามฟิลิปปินส์กับสหรัฐ
Philippine-American War


การประกาศสงคราม วันเสียงปืนแตก


ในวันที่ 4 กุมภาพันธ์ ค.ศ. 1899 มีชาวฟิลิปปินส์คนหนึ่งถูกยิงโดยฝ่ายทหารอเมริกันที่สะพาน San Juan bridge เหตุการณ์นี้จัดเป็นวันเริ่มต้นของสงครามฟิลิปปินส์กับสหรัฐที่เรียกว่า Philippine-American War การต่อสู้ฝ่ายอเมริกันมีกำลังที่เหนือกว่าทั้งด้านอาวุธยุทโธปกรณ์ ทหารฝ่ายฟิลิปปินส์ต้องล่าถอยไป รัฐบาลแห่งชาติ (Malolos government) ต้องอพยพพลัดถิ่นไปตั้ง จากที่หนึ่ง ไปยังอีกที่หนึ่ง
การล่าถอย
อากินัลโดได้นำการต่อต้านการยึดครองของสหรัฐ และได้ย้ายไปยัง Luzon ตอนเหนือ โดยมีฝ่ายอเมริกันไล่ติดตามไป ได้มีโทรเลขจากอากินัลโดรับโดยนายพล Antonio Luna ผู้เป็นนายพลที่ชาญฉลาด แต่มีลักษณะโอ่อ่า และเป็นคู่แข่งกับอากินัลโดในกองทัพ เพื่อนัดไปพบ ณ Cabanatuan, Nueva Ecija โดยพบกันที่โบสถ์แห่ง Cabanatuan


Luna ได้ไปตามที่นัดหมายในสามวันต่อมา แต่พบว่าอากินัลโดยไม่พร้อมที่จะพบ ณ ที่นัดหมาย และขณะที่เขาจะจากไป ได้ถูกยิงและแทงจนถึงแก่ความตายโดยคนของอากินัลโดที่ไม่พอใจในท่าทีของ Luna และที่วัดนี้เองที่ Luna ได้ถูกฝัง


หลังจากนั้นอีกไม่ถึง 2 ปี อากินัลโดถูกจับที่ Palanan, ใน Isabela ในวันที่ 23 มีนาคม ค.ศ. 1901 โดยนายพล Frederick Funston แห่งกองทัพสหรรัฐ เพราะมีคนฟิลิปปินส์หักหลังและแจ้งเบาะแส โดยอาศัยแสร้งทำเป็นพวกฟิลิปปินส์ยอมจำนนต่อพวกกองกำลังของฟิลิปปินส์


นายพล Funston ได้ให้การต้อนรับอย่างสมเกียรติ แต่ขณะเดียวกันได้ยื่นข้อเสนอที่จะไว้ชีวิตหากอากินัลโดยอมที่ประกาศสวามิภักดิ์ต่อสหรัฐ


อากินัลโดได้ยอมแพ้ต่อฝ่ายสหรัฐในวันที่ 1 เมษายน ค.ศ. 1901 และเป็นการจบความเป็นสาธารณรัฐครั้งแรก เป็นการยอมรับความีอธิปไตยเหนือฟิลิปปินส์ แต่ส่วนอื่นๆ ก็ยังมีการสู้รบต่อไป
Presidency of the First Republic of the Philippines

ในยุคที่อากินัลโดสถาปนาตนเองเป็นประธานาธิบดีคนแรกของฟิลิปปินส์นั้น เขาได้แต่งตั้งนายกรัฐมตรี 2 คน คือ Apolinario Mabini และ Pedro Paterno.


คณะรัฐมนตรีนำโดย Mabini ประกอบด้วย


1. Apolinario Mabini – ว่าการต่างประเทศ (Foreign Affairs)
2. Mariano Trias – ว่าการคลัง (Finance ) 3. Teodoro Sandico – ว่าการมหาดไทย หรือกิจการภายใน (Interior ) 4. Baldomero Aguinaldo – ว่าการสงคราม (War ) 5. Gracio Gonzaga – ว่าการสวัสดิการสังคม (Welfare )

คณะรัฐมนตรีนำโดย Paterno ประกอบด้วย


1. Leon Ma. Guerrero – ว่าการเกษตร อุตสาหกรรม และการค้า (Agriculture, Industry and Commerce อันเป็นส่วนหนึ่งของกิจการสังคม (Welfare)
2. Hugo Ilagan – ว่าการคลัง (Finance ) 3. Felipe Buencamino – ว่าการต่างประเทศ (Foreign Affairs ) 4. Severino de las Alas – ว่าการมหาดไทย ผInterior ) 5. Aguedo Velarde – ว่าการการศึกษา (Public Instruction ซึ่งก่อนหน้านี้เป็นส่วนหนึ่งของกิจการสังคม - Welfare) 6. Maximo Paterno – ว่าการงานสาธารณะ และการสื่อสาร (Public Works and Communications เดิมเป็นส่วนหนึ่งของกิจการสังคม Welfare) 7. Mariano Trias – ว่าการสงคราม หรือกลาโหม (War )

การยึดครองโดยสหรัฐ
U.S. Occupation


ในขณะที่สหรัฐยึดครองฟิลิปปินส์ บทบาทของอากินัลโดได้ถูกลดทอนลงแต่เป้าหมายของเขาคือการได้ประเทศฟิลิปปินส์ที่มีอิสรภาพ เขาสนับสนุนกลุ่มที่เรียกร้องเพื่อความเป็นอิสระของฟิลิปปินส์ และช่วยทหารผ่านศึกษา เขาได้ร่วมจัดตั้งสมาคมทหารผ่านศึกกู้ชาติ (Association of Veterans of the Revolution) ซึ่งสมาชิกจะได้รับการจัดหาด้านเบี้ยบำนาญ และช่วยในการจัดหาที่ดินทำกินที่ได้รับการสนับสนุนจากรัฐบาล
เมื่อรัฐบาลอเมริกันอนุญาตให้ฟิลิปปินส์ได้ใช้ธงชาติในปี ค.ศ. 1919 อากินัลโดได้เปลี่ยนบ้านของเขาที่ Kawit ให้เป็นอนุสรสถาน และปัจจุบันได้กลายเป็น Aguinaldo Shrine

การเลิกมีบทบาท


อากินัลโดได้เกษียณตนเองจากชีวิตการต่อสู้จนกระทั่งเมื่อมีการเลือกตั้งเพื่อเตรียมประเทศสู่ความเป็นอิสระในปี ค.ศ. 1935 เขาได้ลงสมัครชิงตำแหน่งประธานาธิบดี แข่งกับ ฟิลิปปินส์เชื้อสายสเปน ชื่อ Manuel L. Quezon อากินัลโดเป็นฝ่ายแพ้ แต่ได้ทำการประท้วง และได้มีการตกลงที่จะเปลี่ยนวันชาติเป็นวันที่ 12 มิถุนายน อันเป็นวันประกาศอิสรภาพของฟิลิปปินส์

No comments:

Post a Comment