Keywords: สุภาษิต, proverbs, คนโง่, fool, การบริหารเงิน, financial management,
มีสุภาษิตอังกฤษหนึ่งกล่าวว่า "A fool and his money are soon (easily) parted." หรือแปลเป็นไทยได้ว่า "คนโง่กับเงินของเขา ในที่สุดก็ต้องแยกจากกัน" ซึ่งต้องการจะชี้ให้เห็นว่า หากคนๆนั้นไม่มีการศึกษา ไม่มีความรู้ความสามารถ แม้ได้รับของมีค่า ไมว่าจะเป็นเงินทอง ทรัพย์สิน หรือโอกาสใดๆ ในที่สุดเขาก็ไม่สามารถที่จะดูแลรักษาทรัพย์สินหรือของมีค่าเหล่านั้นให้คงอยู่ได้
เมื่อมองย้อนไปยังพ่อแม่ผู้ปกครองบางคนที่ทำงานอย่างหนัก แต่ไม่เห็นคุณค่าของการศึกษาหรือความสำคัญของการพัฒนาความสามารถของลูกหลานและเยาวชนเหล่านั้น มีทรัพย์สมบัติสะสม หวังว่าเมื่อตเองต้องตายจากไป ลูกหลานจะได้มีทรัพย์สมบัติเอาไว้เป็นหลักประกัน มีกินมีใช้ไปได้จนตลอดชีวิต หลายคนมองง่ายๆว่า หากมีเงินหรือทรัพย์สินที่ทำรายได้สักปีละ 1 ล้านบาท ลูกหลานมีเงินใช้เกือบเดือนละ 1 แสนบาท ก็จะมีความสุขได้อย่างสบายไปตลอดชีวิต แต่ความเป็นจริงมิได้เป็นไปอย่างนั้น หากลูกหลานของเขาเป็นคนไม่มีการศึกษา ไม่ขยันขันแข็งที่จะทำงานสร้างอนาคตของคนเอง ท้ายสุดเงินเหล่านั้นก็จะไม่มีประโยชน์
เงินเดือนละ 1 แสนบาทในวันนี้ แต่อีก 10-12 ปี ท้ายสุด ค่าเงินเฟ้อ ก็จะทำให้มูลค่าแท้จริงลดลงไปตลอดเวลาทุกปี แต่คนที่เคยใช้เงิน 1 แสนบาทต่อเดือน ก็มักจะอยากใช้จ่ายเพิ่มขึ้นไปเรื่อยๆ มีลูกมีหลาน มีครอบครัวของตัวเอง หากเป็นคนไม่มีงานการทำ ท้ายสุดรายจ่ายก็จะต้องเพิ่มขึ้น
ในเวลา 10-12 ปี อะไรที่ว่าแน่นอน ก็ไม่แน่นอน บางสังคม ค่าของเงินเกิดเฟ้อได้ปีละ 10-20 เปอร์เซนต์ก็มี บางประเทศมีค่าเงินเฟ้อเท่ากับ 500 เปอร์เซนต์ก็มีให้เห็น สมมติว่ารายได้ที่เคยได้จากทรัพย์สิน เช่นมีบ้านและที่ดินที่เคยมีค่าเช่าได้จำนวนหนึ่งที่แน่นอน แต่ไม่แน่ บางทีที่ดินนั้นอาจมีความแปรผัน มีความเปลี่ยนแปลงด้านถนน ที่จอดรถ ความไม่สะดวกด้านที่จอดรถ ไม่เหมาะกับการเป็นสถานที่ทางการค้า หรือที่อยู่อาศัย ดังนี้ก็มีให้เห็น รายได้ที่ว่าเคยแน่นอน ก็ไม่แน่นอนอีกต่อไป
ในอีกด้านหนึ่ง คนที่ถูกเลี้ยงดูในแบบที่มีแต่จะใช้เงิน แต่ไม่รู้จักทำมาหากิน ไม่มีความสามารถนั้นมักจะเป็นคนถูกหลอกลวงได้ง่าย มักจะไม่ค่อยทันเกมส์ทันคนเขา คนที่ถูกเลี้ยงดูอย่าง “หน่อมแน้ม” ไม่เคยได้เผชิญชีวิต เวลาประสบปัญหา ก็ไม่มีความสามารถที่จะตัดสินใจในสิ่งที่ถูกต้อง สถานการณ์ทางการเงินและชีวิตก็จะมีแต่เลวร้ายยิ่งขึ้นไปเรื่อยๆ
ลองดูนักกีฬาอาชีพหลายๆคน นักแสดง ดารานักแสดงที่ไม่มีการศึกษา ตอนมีเงินมีทอง ก็ใช้จ่ายอย่างฟุ่มเฟือย แต่อาชีพเหล่านี้ไม่สามารถหาเงินทองได้อย่างมากอย่างต่อเนื่อง ท้ายสุดมีรายจ่ายมากมาย แต่รายได้ไม่มีมากพอที่จะเพียงพอกับรายจ่าย ท้ายสุดเงินทองที่มี ก็มีแต่จะหมดไป ซึ่งมีให้เห็นมากมาย นักกีฬาบางคนในต่างประเทศ เมื่อมีชื่อเสียงสามารถหาเงินได้หลายๆสิบล้านบาท แต่ท้ายสุดก็ไม่มีเงินทองเหลือเก็บ กลายเป็นบุคคลล้มละลายไปในที่สุด แต่ร่างกายของตนเองท้ายสุดไม่สามารถจะทำงานนั้นๆได้อย่างรุ่งโรจน์ได้ตลอดไป ความสามารถที่จะไปทำงานในอาชีพอื่นๆ ก็ไม่มี เพราะไม่ได้เคยเตรียมตัวเอาไว้
ดังนั้นหากเรามีทางเลือก การมีเงินทองกับการมีลูกหลานที่ไม่มีการศึกษา ไม่มีวินัยในการใช้จ่าย กับอีกทางเลือกหนึ่ง การที่มีลูกหลานที่เราส่งเสริมเขาให้ได้รับการศึกษาที่เหมาะสม รู้จักทำมาหากิน มีความรู้ความสามารถ มีความตั้งใจและภูมิใจที่จะพึ่งพาตนเอง รู้จักดำรงชีวิตอย่างพอเพียง แม้ไม่มีสมบัติอะไรให้เขามากกมาย แต่ด้วยความที่เขามีพื้นฐานที่ดี เขาก็จะสามารถไปสร้างอนาคตของเขาเองได้
แน่นอน เราคงจะเลือกในทางเลือกหลัง ดังนั้นเมื่อเขายังเป็นเด็กเป็นเยาวชน พ่อแม่ก็พึงให้ความสำคัญต่อการศึกษาของลูกหลาน มากกว่าที่จะไปมุ่งสะสมทรัพย์สมบัติไว้ให้เขา
No comments:
Post a Comment